ยูนิเวนเจอร์เดินหน้าฟื้นตึกร้าง ทางลัด “เจริญ” สู่เบอร์หนึ่งอสังหาฯ


ผู้จัดการรายสัปดาห์(17 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ยูนิเวนเจอร์หวนคืนอสังหาฯ หลังเปิดทางทายาทสิริวัฒนภักดีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใช้วิกฤตครั้งใหม่สร้างโอกาส ต่อยอดเครือข่ายธุรกิจอสังหาฯ ของกลุ่มเจ้าพ่อน้ำเมาให้เติบโตแบบก้าวกระโดด หอบเงินทุนพันล้านเดินหน้าเทคโอเวอร์โครงการสร้างค้าง-มีปัญหาการเงิน พร้อมเจรจาขอถือหุ้นใหญ่ในแกรนด์ยูนิตี้ฯ เพื่อรุกอสังหาฯ ระดับกลางเต็มตัว

หลังจากเป็นที่เปิดเผยว่า บริษัท อเดลฟอส ซึ่งถือหุ้นโดย ฐาปน และปณต ทายาทของเจริญ สิริวัฒนภักดี ราชันย์น้ำเมาผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจเบียร์ช้าง ได้เข้ามาซื้อหุ้นยูนิเวนเจอร์ (UV) จากการเพิ่มทุนในสัดส่วน 29.18% และจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเก่า ซึ่งอยู่ระหว่างการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 51.57% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยยังเปิดทางให้ผู้บริหารเก่ายังมีบทบาทด้านการบริหารนั้น เป็นสัญญาณที่บอกว่า เจริญ ขยับแล้วที่จะรุกคืบในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกก้าวหนึ่ง และเป็นทางลัดที่ส่งให้สิริวัฒนภักดีก้าวไปสู่เบอร์หนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็วที่สุด

เหตุผลที่ทายาทของเจริญเลือกยูนิเวนเจอร์ คงไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของคอนเนคชั่นที่แนบแน่นกับผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น แต่ตัวของยูนิเวนเจอร์เองถือว่ามีศักยภาพ ทั้งในแง่ธุรกิจที่ทำที่ถือว่ามีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ผลิตผงสังกะสีอ๊อกไซด์ พลังงาน ระบบที่จอดรถ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ผ่านบริษัทร่วมทุน ได้แก่ แกรนด์ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ (UV-แอล.พี.เอ็น.ฯ), ปริญเวนเจอร์ (UV-ปริญสิริ) และ เอส.ยู.เอ็น. แมเนจเม้นท์ (UV-แสนสิริ) รวมทั้งประสบการณ์ด้านการพัฒนาที่ดิน ทำให้ยูนิเวนเจอร์เป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด เพราะเพียงแค่เงินทุน แลนด์แบงก์จำนวนมาก และกลุ่มบริษัท ที.ซี.ซี. แลนด์ในมือเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนอาณาจักรธุรกิจให้ไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในพริบตา

สิ่งที่เจริญกำลังทำ คือ ใช้ยูนิเวนเจอร์รุกเข้าไปสู่อสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง และวางตัวให้ ที.ซี.ซี. จับตลาดระดับบน อีกทั้งการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของทายาทเจริญ ทำให้ทิศทางต่อจากนี้ของยูนิเวนเจอร์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่ง อรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ ทำให้มีความพร้อมที่จะเดินหน้าในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มที่ หลังจากในปีที่แล้วได้หยุดไป เนื่องจากมองเห็นภาวะชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงหันไปเน้นน้ำหนักในธุรกิจอื่นแทน

ทั้งนี้การเข้ามาของผู้ถือหุ้นใหม่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูงได้ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการแข่งขัน และการเติบโตของบริษัทฯ ได้มากขึ้น ซึ่งจะเน้นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มประสบปัญหาในการดำเนินงาน (Distress Asset) ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นได้อยู่ 2-3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โดยการรุกเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนรายได้ในส่วนนี้ปรับเพิ่มเป็น 78% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

การเข้าไปเทคโอเวอร์ตึกร้าง หรืออาคารค้างที่มีปัญหาในการดำเนินงานที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวมนับแสนล้านบาท เป็นทางเลือกที่เจริญเร่งทำในการแปรวิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างก้าวกระโดด เพราะในช่วงที่ผ่านมามีหลายโครงการที่มีศักยภาพสูง อยู่ในทำเลดี แต่เริ่มติดขัดมีปัญหาในการดำเนินงาน หากได้พัฒนาต่อก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็วกว่าการซื้อที่ดินพัฒนาเอง

อีกทั้งสถาบันการเงินอยู่ในช่วงเร่งระบาย NPA และ NPL ในมือออกมา เพราะลดภาระกันสำรองหนี้ ซึ่งจะกลายเป็นภาระทางการเงิน บวกกับยูนิเวนเจอร์ก็มีความชำนาญด้านนี้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ยูนิเวนเจอร์จะขอเจรจากับแอล.พี.เอ็นฯ และกลุ่มเยาววงศ์ 2 ผู้ร่วมทุน เพื่อขอถือหุ้นใหญ่ในแกรนด์ยูนิตี้ฯ ในสัดส่วน 60% เพราะเป็นบริษัทที่ซื้ออาคารร้างมาพัฒนาต่อโดยเฉพาะ ซึ่ง อรฤดี เชื่อมั่นว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำที่ 0.07: 1 และเงินทุนกว่า 1,000 ล้านบาท จะเป็นความพร้อม ทำให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จได้ ในขณะที่ปริญเวนเจอร์ จะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ 49% เน้นการพัฒนาโครงการในแนวราบเช่นเดิม และยังปล่อยให้ปริญสิริเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางต่อไป

สำหริบทิศทางในอนาคต ยูนิเวนเจอร์สนใจที่จะพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ในระยะยาวให้กับบริษัทด้วย เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน อาจจะเป็นอาคารสร้างค้างหรือซื้อที่ดินมาพัฒนาเองก็ได้ ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ายูนิเวนเจอร์ได้จัดตั้งบริษัท เลิศรัฐการ จำกัด เพื่อเช่าที่ดิน 5 ไร่ บริเวณแยก ถ.เพลินจิตและ ถ.วิทยุ ติดสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ที่ปัจจุบันเป็นอาคารพาณิชย์ใกล้กับแอทธินี ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานของ ที.ซี.ซี. แลนด์ เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมหรืออาคารสำนักงานด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.