|

ปตท.ฝัน4ปีมูลค่าแตะ2ล้านล.ตั้งเป้ารายได้โตกว่า10%ต่อปี
ผู้จัดการรายวัน(13 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
" ประเสริฐ" กำหนดเป้าหมาย 4 ปีข้างหน้าหลังได้ต่อวาระกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ชูรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี มาร์เกตแคปแตะ 1 ล้านล้านบาท ผลักดันให้มาร์เกตแคปทั้งกลุ่มปตท. แตะ 2 ล้านล้านบาท พร้อมเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจาก 5% เป็น 20% ในอนาคต วาดฝันติดอันดับ 100 กว่าของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศกลุ่มปตท.พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มในช่วง 4 ปีอีก 6 แสนล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTT ) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทหลังจากคณะกรรมการของบริษัทมีมติต่อวาระการทำงานอีกวาระเพื่อให้มีการทำงานที่สานต่อเป้าหมายเดิม ซึ่งบริษัทได้มีการวางเป้าหมายที่ชัดเจนในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า โดยจะพยายาเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของรายได้รวม จากปัจจุบันรายได้ในส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5%
นอกจากนี้ PTT ได้วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้บริษัทในแต่ละปีให้มีการเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยรายได้ของบริษัทในอีก 3-4 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.7-1.8 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท
สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของบริษัทในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า PTT จะพยายามเพิ่มมาร์เกตแคปให้เป็น 1 ล้านล้านบาทให้ได้ ขณะที่ทั้งกลุ่มปตท.จะพยายามให้มาร์เกตแคปเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งหวังว่าการจัดอันดับของนิตยสารธุกิจชั้นนำของโลก เช่น ฟอร์จูน PTT จะสามารถปรับเพิ่มอันดับจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณอันดับที่ 200 กว่ามาอยู่อันดับ 100 กว่าเพื่อทำให้บริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้นและจะกลายเป็นบริษัทระดับโลก (Global Company) ในอนาคตด้วย
สำหรับโครงสร้างการบริหาร บริษัทจะเน้นการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนและเข้ามาสานต่องานของผู้บริหารชุดเก่าที่เริ่มหมดวาระ รวมถึงบริษัทใน กลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจและเป็นการสร้างรูปแบบบรรษัทภิบาลที่ดีให้กับบริษัท" 4 ปีต่อจากนี้เราจะทำให้บริษัทมีการเติบโตที่ชัดเจนเฉลี่ยปีละ10% ขณะที่มาร์เกตแคปของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านให้ได้และในเครือให้เป็น 2 ล้านล้านบาท เพิ่มให้บริษัทขึ้นติดอันดับ100 บริษัทกว่า ๆ ของบริษัทที่มีมาร์เกตแคปสูง" นายประเสริฐกล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่านักลงทุนน่าจะกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเรื่องรัฐธรรมนูญ และเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้ง ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้มีการชี้แจงนโยบายรวมถึงการวางรากฐานเพื่อให้รัฐบาลใหม่มีการสานต่อ
นอกจากนี้การลงทุนของภาคเอกชนแม้ว่าจะชะลอลง แต่ PTT ก็ยังลงทุนต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 ปีข้างหน้ากลุ่ม ปตท.จะมีการลงทุนประมาณ 6 แสนล้านบาท ทั้งในเรื่องธุรกิจปิโตรเคมี รวมถึงการจัดการก๊าซเพื่อสร้างมูลค่าและการจัดหาให้เพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับกรณีที่ภาคัรฐมีนโยบายที่นำเงินจากกองทุนน้ำมันที่คืนครบในสิ้นปีนี้มาใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากจะทำให้ระบบขนส่งของประเทศดีขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเป็นการประหยัดพลังงานไปได้ในทางอ้อม
ขณะที่การปรับราคาน้ำมัน ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในส่วนของน้ำมันดีเซลในสัปดาห์นี้หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลทำให้ค่าการตลาดปรับลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินในปัจจุบันอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งค่าการตลาดในส่วนดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงไม่มีการปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันดังกล่าว
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบมจ.ปตท. ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ต่ออีกวาระหนึ่ง โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่10 กันยายน 2550 เป็นต้นไป และมีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี นับจากวันที่มีผลบังคับ ขณะที่มาร์เกตแคปของบริษัทในกลุ่มปตท. ณ วันที่ 11 ก.ย.ประกอบด้วยบมจ.ปตท. หรือ PTT มาร์เกตแคปอยู่ที่883,341.51 ล้านบาท, บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP มาร์เกตแคปอยู่ที่412,004.44 ล้านบาท, บมจ.ปตท.เคมิคอล หรือ PTTCH มาร์เกตแคปอยู่ที่162,422.57 ล้านบาท, บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOPมาร์เกตแคปอยู่ที่ 161,162.20 ล้านบาท,บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC มาร์เกตแคปอยู่ที่123,825.20 ล้านบาท,บมจ.อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) หรือ ATC มาร์เกตแคปอยู่ที่68,558.37 ล้านบาท,บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง หรือ RRC มาร์เกตแคปอยู่ที่ 66,213.44 ล้านบาท รวม 7บริษัทมาร์เกตแคป 1,877,527373 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|