"พัทยาเป็นเมืองโลกียชน การสร้างวัดวาอารามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก็เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดสดใสขึ้น
และเพื่อเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างประเทศได้เห็นถึงความดีงามต่าง
ๆ" สง่า กุลกอบเกรียติที่ใคร ๆ พากันนับถือเรียกขานว่า "อาจารย์สง่า"
รำพึงถึงแนวความคิดที่ได้สร้าง "วิหารเซียน" ขึ้นมาที่พัทยากลาง
ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ อาจารย์สง่าได้รับพระราชทานที่ดินจำนวน 7 ไร่ ในปี
2530 บริเวณติดกับวัดญานสังวราราม ซึ่งเป็นวัดในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สถานที่ตั้งแห่ง "วิหารเซียน" นับว่าถูกหลักแห่งศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องฮวงจุ้ย
คือเบื้องหน้าเป็นบึงน้ำใหญ่ เบื้องหลังคือภูผาสูงใหญ่ เมื่อดูจากระยะไกล
วิหารเซียนจะตั้งอยู่กลางภูเขา
"ที่ดินบริเวณนี้ 7 ไร่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้เมื่อ
5 ปีที่แล้ว และเมื่อสร้างวิหารเซียนเสร็จปลายปีนี้ก็จะถวายเป็นพระราชกุศลในพระองค์ด้วย
ตอนนี้งานยังเสร็จไม่สมบูรณ์เพียง 70-80%" อาจารย์สง่าเล่าให้ฟังด้วยสำเนียงจีน
เพียงก้าวแรกที่ย่างเท้าสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ตระการตาแห่งวิหารเซียน ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกมหัศจรรย์
ถึงความวิจิตรพิศดารที่น่าชม และแต่ละสิ่งนับว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในเชิงความรุ่งเรืองดีงาม
นับตั้งแต่หน้าประตูซี่งมีสิงโตจีนขนาดใหญ่ ซึ่งมีความหมายถึงอำนาจเคียงคู่กับเต่ายักษ์ที่มีความหมายของความเป็นหนุ่มสาวกับความมีอายุยืนยาว
พ้นจากนั้นเมื่อเดินเข้าสู่ลานซีเมนต์กว้าง ที่ประดับประดาด้วยต้นบอนไซเรียงราย
สลับด้วยตุ๊กตาหินกุมารจีนขนาด 2 เมตรในอิริยาบถต่าง ๆ น่าเอ็นดู
แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น เมื่อก้าวล่วงเข้าไปในวิหารเซียนที่เน้นสัญลักษณ์มังกรในทุกหนแห่ง
คือความโอ่โถงและวิจิตรพิศดารของผนังแต่ละด้าน ผนังขนาดยักษ์ด้านแรก คือพญามังกรที่สลักเสลาด้วยไม้และปูนปั้นดุจราวมีชีวิต
เสาขนาดใหญ่สีแดงที่พันด้วยมังกรแต่ละต้นสูงแหงน คอตั้งบ่าที่ค้ำวิหารเซียนไว้
เมื่อเดินลึกเข้าไปจะพบผนังหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่สลักลวดลายตำนานแห่งพระโพธิสัตว์อย่างสวยงาม
ใกล้ ๆ กับหน้าต่างประจกที่สลักเสลาลายวิจิตร แสงแดดได้สาดส่องที่ผนังให้เห็นภาพวาดสีน้ำขนาดใหญ่เท่าตัวจริงของอาจารย์สง่า
กุลกอบเกียรติในลักษณะของผู้ทรงศีลที่นุ่งขาวห่มขาว ลูกประคำคล้องคออยู่
โดยมีฉากหลังเป็นงาช้างคู่พร้อมกับกระถางลายคราม ถัดมาที่ผนังอีกด้านคือรูปลูกชายอาจารย์สง่า
"วินัย กุลกอบเกียรติ" ในท่ายืนตรงสวมชุดพระราชทาน ผนังด้านตรงข้ามรูปวาดอาจารย์สง่า
เป็นภาพวาดขนาดใหญ่ในสมเด็จพระสังฆราช
เมื่อเดินขึ้นไปชั้นสองของวิหาร ก็ต้องตกตะลึงกับรูปปั้นสูงใหญ่ขนาด 9
เมตร เป็นรูปเซียนองค์สีดำดังนิล หันหน้าไปทางเบื้องทิศตะวันออก ในมือถืออาวุธ
เบื้องหลังเป็นผนังสีแดงแจ้ด เพดานเบื้องบนเป็นรูปหยิน-หยางซึ่งชาวจีนเชื่อว่า
หยินและหยางเป็นพลังที่เสริมซึ่งกันและกัน โดยจะดำรงอยู่ในทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
ส่วนผนังขนาดใหญ่ก็สลักเสลาอย่างเด่นแปลกตาด้วยลักษณะนูนออกมาเป็นภาพสามมิติ
มิใช่ภาพวาดแบนราบเหมือนที่อื่น ๆ
ชั้นสามของวิหารเซียนเป็นที่สถิตแห่งพระพุทธรูปองค์ทองอร่าม เมื่อเดินออกมายังเฉลียงกว้างใหญ่
เพื่อชมวิวทิวทัศน์ในที่สูงโดยรอบ มีทัศนียภาพเงียบสงบ
เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาที่วิหารเซียนอันมีมูลค่านับพันล้านบาทนี้ ได้กลายเป็นศูนย์รวมของการบริจาคจากบรรดามหาเศรษฐีเมืองไทย
และต่างประเทศผู้ศรัทธาในอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ซินแสชาวจีนที่แปลงสัญชาติเป็นไทยไปแล้ว
"ผมไม่ค่อยอยากให้สัมภาษณ์และผู้บริจาคก็ไม่อยากเปิดเผยชื่อ เพราะอาจจะทำให้คนอื่นที่ไม่เข้าใจพาลหมั่นไส้ได้
เหมือนคำโบราณที่ว่าต้นไม้ใหญ่มีสิทธิล้ม แต่เท่าที่ได้รับบริจาคมาก็นับหลายร้อยล้านบาท
อย่างตุ๊กตาจีนที่เห็นประดับบริเวณลานกว้างหน้าวิหาร ก็ได้รับมาจากรัฐบาลประเทศจีนและไต้หวัน
ซึ่งเขาจะทยอยส่งสิ่งของต่าง ๆ มาให้อีกนับจำนวนถึง 300 ชิ้น บางชิ้นมีค่ามากในแง่โบราณวัตถุซึ่งได้มาจากสุสานของฮ่องเต้ในแผ่นดินใหญ่
เขาก็จะบริจาคให้เราไว้บูชา" อาจารย์สง่าเอ่ยถึงการตกแต่งวิหารเซียนให้สมบูรณ์
ทุก ๆ อาทิตย์ อาจารย์สง่าพร้อมกับบุตรชาย วินัย กุลกอบเกียรติ จะเดินทางจากกรุงเทพฯ
ไปตรวจงานที่วิหารเซียนพัทยา และบางคราวก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อตรวจความเรียบร้อยก่อนที่สิ่งของชิ้นใหญ่ที่จะนำมาประดับประดาบริเวณวิหารเซียน
ความศรัทธาต่ออาจารย์สง่าที่บรรดานักธุรกิจให้ความเชื่อถือ ถึงขนาดผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ
"ซีพี" เชิญให้เป็นที่ปรึกษาด้านฮวงจุ้ยกับธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่หรือแตกแขนงเติบโต
เป็นเพราะความเป็นนักภูมิพยากรณ์ของอาจารย์สง่า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญาหรือทำการตกลงทางธุรกิจ
เพราะเรื่องของฮวงจุ้ยสำหรับธุรกิจ คือ การหาทำเลที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างอันถูกโฉลกฮวงจุ้ย
หมายถึงการหา "มังกร" ที่แท้จริง (มังกรคือถนนใหญ่นั่นเอง)
ตามพื้นฐานทั่วไป นักดูฮวงจุ้ยเกือบทุกคนที่จะเอื้ออำนวยความสำเร็จแห่งโชคลาภที่นำความรุ่งเรืองมาสู่ธุรกิจอยู่สี่ประการคือ
หนึ่ง-ทิศของสิ่งก่อสร้างซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อม สอง-ทิศของประตูใหญ่ของสิ่งก่อสร้างที่สัมพันธ์กับดวงดาวแห่งชะตาชีวิต
เจ้าของ หรือเรียกว่าถูกกฎเกณฑ์ของอี้จิง สาม-ขึ้นอยู่กับ "โชค"
หรือ "หยุน" ของเจ้าของไม่ว่าจะเป็นรายเดียวหรือหลายรายก็ตาม สี่-คุณธรรมของผู้เป็นเจ้าของ
ไม่ว่าจะเป็นรายเดียวหรือหลายรายก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ
ในประเทศไทย นักภูมิพยากรณ์ที่ทำงานอยู่เงียบ ๆ ดังเช่นอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ
ซินแสจีนวัย 69 ปีผู้นี้คงจะมีอยู่ไม่มากนัก แต่ศรัทธาที่แปรรูปออกมาเป็น
"วิหารเซียน" มูลค่านับพันล้านนี้ได้บ่งบอกถึงบารมีแห่งคุณงามความดีทั้งมวล!!