บิ๊กAPชี้กำลังซื้อซิตี้คอนโดฯเริ่มแผ่ว


ผู้จัดการรายวัน(11 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

"อนุพงษ์ อัศวโภคิน" ชี้สัญญาณเชิงลบตลาดซิตี้คอนโดฯ ลากยาวถึงปี 51 เหตุผู้บริโภคมีโอกาสชอปสินค้าใหม่ที่ทะลักออกสู่ตลาด กลุ่มนักเก็งกำไรเริ่มตัวบวม คนซื้อมีเวลาตัดสินใจ รอห้องชุดสร้างเสร็จก่อนคิดซื้ออีกครั้ง อาจกดดันนักเก็งกำไรโอนห้องชุดก่อนขาย ยอมรับอนาคตบริษัทอสังหาฯรายใหญ่คุมกลไกตลาด 80% ระบุแผนลงทุนปี 51 เล็งผุดโครงการใหม่อย่างน้อย 7 โครงการ ลั่นปีหน้ายอดรับรู้รายได้กว่า 7,700 ล้านบาท

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP) เปิดเผยถึงสัญญาณของตลาดซิตี้คอนโดว่า ปัจจุบันอัตราเติบโตของยอดขายเริ่มมีแนวโน้มช้าลง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มชะลอการตัดสินใจซื้อ เพื่อรอดูภาวะตลาด ขณะที่ผู้ประกอบการมีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีโอกาสในการเลือกสินค้ามากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของกลุ่มนักเก็งกำไรในตลาดซิตี้คอนโดเริ่มลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการเปิดเพิ่มโครงการใหม่จำนวนมาก

"พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเองยังชะลอออกไป ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์10-15% ก่อนที่จะเห็นอาคารชุด แต่จะรอให้โครงการก่อสร้างใกล้เสร็จก่อนจึงตัดสินใจซื้ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนกลุ่มนักเก็งกำไรที่เริ่มมีจำนวนลดลง เพราะการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ยืดออกไป และชะลอดูโครงการอื่นๆ ทำให้นักเก็งกำไรไม่สามารถถือสัญญาซื้อได้ระยะยาวเนื่องจากต้องรับภาระในการจ่ายเงินดาวน์ และมีโอกาสที่จะต้องรับโอนห้องชุดก่อนจึงจะสามา รถขายต่อได้" นายอนุพงษ์ กล่าวให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และยืนยันว่า

แม้จะมีโครงการคอนโดฯเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดโดยรวมเกิดสินค้าล้นตลาด(โอเวอร์ซัปพลาย) ยกเว้นในบางทำเลที่มีแนวโน้มโอเวอร์ซัปพลาย โดยเฉพาะทำเลที่มีการพัฒนาโครงการระดับเดียวกันจำนวนมาก โดยโครงการคอนโดฯส่วนใหญ่ที่ยังสามารถระบายออกได้ คือ โครงการที่ติดระบบรถไฟฟ้า กำหนดราคาขายที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้า และสามารถตอบสนองวิถีชีวิตประจำของลูกค้าได้

" ตนคิดว่า โครงการที่เกิดใหม่และมีระดับราคาเดียวกันกับซิตี้คอนโด มักจะถูกนับรวมว่าเป็นโครงการซิตี้คอนโด แต่ความจริงแล้ว ไม่ได้ถือว่าอยู่ในตลาดเดียวกัน เพราะการพัฒนาโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นโครงการซิตี้คอนโดหรือไม่ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง อาทิ อยู่ในเมืองใกล้ระบบรถไฟฟ้า ราคาระดับ1-2 ล้านบาท รูปแบบโครงการต้องเหมาะสมและตอบรับกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ "

ก่อนหน้านี้ บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA ระบุถึงผลการสำรวจโครงการอสังหาฯในช่วง 8 เดือนแรกของปี 50 ว่า มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวจำนวน 40,684 หน่วย มูลค่าประมาณ 88,780 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดมิเนียม มีจำนวน 24,227 หน่วย ซึ่งระดับราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท มีการเปิดตัวมากที่สุดถึง 10,143 หน่วย รองลงมาจะเป็นระดับ 5 แสนบาทแต่ไม่ถึง 1 ล้านบาทประมาณ 6,917 หน่วย

บริษัทอสังหาฯรายใหญ่คุมตลาด

นายอนุพงษ์ กล่าวยอมรับว่า ตลาดอสังหาฯจะอยู่ในภาวะที่ทรงตัวต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี 2551 แม้ในขณะนี้ จะมีความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง แต่กว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถเริ่มบริหารประเทศได้อย่างลงตัว น่าจะเป็นช่วงกลางปีหรือปลายปี2551 ถึงตอนนั้น ความเชื่อมั่นต่างๆ จะเริ่มกลับมา รวมถึงหน่วยงานต่างๆจะทยอยเบิกงบประมาณประจำปี 2551 ในการลงทุนในโครงการต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ในด้านของทิศทางตลาดอสังหาฯ กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ จะมีส่วนแบ่งตลาดสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดที่มีความสมบูรณ์และมีความมั่นคงแล้ว โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดประมาณ 20% จะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 80% จะมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 20%

" การที่ตลาดจะมีเสถียรภาพมีความแข็งแกร่งนั้น จะต้องเป็นตลาดที่มีคุณภาพ นั่นคือ ผู้ประกอบการรายใหญ่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด ทำให้รายเล็กเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ยากขึ้น ต่างจากปัจจุบัน ที่ผู้ประกอบการรายเล็ก ยังสามารถเข้ามาแชร์ตลาดกับรายใหญ่ได้ง่ายอยู่ เนื่องจากต้นทุนด้านการก่อสร้างและการทำตราสินค้า หรือ แบรนด์ยังต่ำอยู่ "นายอนุพงษ์ กล่าวให้เห็นสินค้าที่จะมีระดับราคาที่แตกต่างกัน

APลุยเปิดอีก 7 โครงการใหม่

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2551 นายอนุพงษ์กล่าวว่า จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอย่างต่ำ 7 โครงการ ซึ่งขณะนี้ได้จัดหาที่ดินรอการพัฒนาโครงการมาแล้ว 20 ไร่ คาดว่าต้องใช้งบประมาณในการซื้อที่ดินในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้ใช้งบในการซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะที่โครงการใหม่ในปีนี้ ทางบริษัทได้เปิดโครงการคอนโดฯใหม่เพิ่มอีก3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Life @ สุขุมวิท , โครงการ Life @ รัชดา-ห้วยขวาง และ โครงการ Life @ พหล 18 รวม 1,209 ยูนิต รวมมูลค่าขายประมาณ 2,840 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สามารถสร้างยอดขายคอนโดฯเฉพาะแบรนด์ Life แล้ว 1,300 ยูนิต มูลค่าประมาณ 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ เป้าหมายรวมของยอดรับรู้รายได้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายโครงการเดิมที่สะสมจนถึงปัจจุบันมีประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาท และจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาทและต่อเนื่องในปี 2551-2552 ส่วนยอดรับรู้รายได้อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท จะมาจากยอดขายโครงการที่เปิดขายในปีนี้ สำหรับในปี 2551 ได้ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ไว้ที่ 7,700 ล้านบาท มาจากโครงการแนวราบ 60-70% ที่เหลือมาจากโครงการแนวสูง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.