ปาร์คนายเลิศสนลงทุนในภูฎานสายสัมพันธ์แน่นราชวงศ์วังชุก


ผู้จัดการรายวัน(7 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ปาร์คนายเลิศ สนลงทุนโรงแรมในภูฎาน หลังถูกจีบมานานหลายปี ตั้งธงหลังเสร็จภาระกิจที่ปรึกษาจัดเตรียมงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีกลางปีหน้า ค่อยมาจับเข่าคุยในระดับผู้บริหาร มั่นใจแม้อยู่หลังม่านการจัดงาน แต่จะได้ภาพลักษณ์แบบเวิร์ดออฟเม้าท์

นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด เจ้าของโรงแรม ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Nai Lert Park Bangkok a Raffles INTERNATIONAL HOTEL) เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมที่ประเทศภูฏาน โดยจะเข้าไปในนามของบริษัท ปาร์คนายเลิศ จำกัด แต่ทั้งนี้คงต้องรอให้เสร็จงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นประมาณกลางปีหน้า ค่อยนำเข้ามาหารือในระดับผู้บริหาร โดยกรอบเบื้องต้นคงเป็นโรงแรมระดับหรู 5-6 ดาว ตามแบบฉบับของปาร์คนายเลิศ แต่คงไม่ใช้คอนเซปต์ ปาร์ค เพราะภูฏานมีภูมิประเทศเป็นป่าเขามากอยู่แล้ว

สาเหตุของการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากได้มีการเชิญชวนจากผู้ใหญ่ และรัฐมนตรีบางท่านว่า ความชำนาญด้านธุรกิจโรงแรมของ ปาร์คนายเลิศ โดยเฉพาะเรื่องการจัดเลี้ยงและรับรองแขกระดับวีไอพี น่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศภูฏานบ้าง เพื่อจะได้นำมาตรฐานการทำงานและการบริหารงาน มาเป็นตัวอย่างให้โรงแรมที่อยู่ในภูฏานได้มีการปรับตัวให้เป็นมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้จากข้อมูลเบื้องต้นโรงแรมกว่า 80% ในภูฏาน จะลงทุนโดยนักธุรกิจจากประเทศอินเดีย ส่วนหนึ่งเพราะมีอาณาเขตประเทศติดกัน และยังมีข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องของการเดินทางข้ามแดน และ การลงทุน ซึ่งโรงแรมเชนระดับอินเตอร์ที่เปิดให้บริการที่ภูฏานได้แก่ อมัน และเชดี และ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วนี้คือ โรงแรมทราส ซึ่งเป็นเชนของประเทศอินเดีย ที่ใหญ่ที่สุดของภูฏาน มีห้องพักถึง 100 ห้อง

"โรงแรมส่วนใหญ่ในภูฏานจะประมาณ 50 ห้อง ซึ่งหากปาร์คนายเลิศจะเข้าไปเปิดก็คงไชน์ไม่เกิน 100 ห้องเช่นกัน โดยดูจากจำนวนนักท่องเที่ยว ตลาด และสถานที่ เพราะเขาเป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มากนัก อีกทั้งรัฐบาลเขายังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปี ตั้งกฎการใช้เงินขั้นต่ำต่อวันของนักท่องเที่ยวต้องไม่ต่ำกว่าคนละ 200 เหรียญสหรัฐ และยังมีเพียงสายการบินดุ๊ก แอร์ เพียงสายการบินเดียวที่บินเข้าไปยังเมืองหลวง "

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ภูฎานเริ่มเปิดประเทศ โดยเฉพาะช่วงหลังพระราชพิธีเฉลิมฉลอง 60 ปี ครองราชย์ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศภูฏานมากขึ้น ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปก็มากขึ้น ซึ่งคนไทยเองก็เริ่มเดินทางเข้าไปแล้ว โดยมีบริษัทนำเที่ยวจัดเป็นแพกเกจทัวร์นำไป แต่นักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดหลักของประเทศนี้ คือ ญี่ปุ่นและยุโรปส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ และนักธรรมชาติวิทยา นักท่องเที่ยวจริงๆยังมีน้อย โดยเฉพาะกลุ่มแบคแพกเกอร์แทบจะไม่มีเลย

นางพิไลพรรณ กล่าวว่า การที่ปาร์นายเลิศ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลภูฏาน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในการจัดเตรียมงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกว่า 15 ปี ระหว่างราชวงศ์วังชุก แห่งภูฏาน กับครอบครัวสมบัติศิริ โดยที่ผ่านมา ทางครอบครัวสมบัติศิริ ได้เดินทางไปภูฎานเฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพระญาติทุกประองค์ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

"การเข้าไปเป็นที่ปรึกษาจัดเตรียมงานครั้งนี้ เราช่วยด้วยใจไม่ได้รับค่าตอบแทน และ ไม่ได้ใช้โลโก้ของปาร์นายเลิศ ทุกอย่างเราจะให้เป็นหน้าตาของโรงแรมและคนของภูฎานทั้งหมด แต่เชื่อว่าชื่อเสียงของเราจะเกิดจากการบอกต่อ เพราะระดับผู้บริหารประเทศทุกคนของภูฏานทราบว่า เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งการตลาดแบบบอกต่อก็เป็นสิ่งสำคัญและน่าเชื่อถืออยู่แล้ว"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.