|
'ไมโล'เท145ล.ปรับการสื่อสารใหม่ส่งซีเรียลผสมธัญญาพืชเสริมทัพ
ผู้จัดการรายวัน(7 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ไมโล ปรับการสื่อสารแบรนด์ใหม่ โละคอนเซปต์กีฬา หวังปั้นแบรนด์ทันสมัยตีตื้นโอวัลตินครองตลาดเครื่องดื่มช็อกโกแลตเบ็ดเสร็จ 5 พันล้านบาท อัดฉีด 145 ล้านบาท เปิดตัวไมโลแอคทิฟ-บี ทรีอินวัน ซีเรียลผสมธัญญาหาร ตั้งเป้าโต 15% ในสิ้นปี
นางสาวบุษบง พยัตยากุล ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโล บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนปรับรูปแบบการสื่อสารไมโลใหม่ ภายใต้คอนเซปต์เดิม คือ "ไมโลพลังแห่งความพร้อม" พร้อมทั้งปรับแนวทางการสื่อสารจากการนำเสนอเรื่องกีฬากับเด็กเป็นกลุ่มแม่และลูก เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้น และกระตุ้นแม่ที่เป็นผู้เลือกซื้อสินค้าให้กับลูกและกลุ่มเด็ก 6-12 ปี โดยบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 145 ล้านบาท ในการรุกทำตลาดหลังจากนี้
"ผ่านมาเราพบว่า การนำเสนอเรื่องของ"กีฬา" ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เข้าหาความสนใจของเด็กที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง แต่ผู้บริโภคมองไมโลว่าเป็นแบรนด์กีฬา เนื่องจากไมโลให้การสนับสนุนกีฬาเสมอ แต่จริงๆแล้วเราต้องการนำเสนอสู่แม่และเด็กมานานแล้ว แต่ก็ขาดการเน้นย้ำ ทำให้เรากลับมาเน้นใหม่ให้ผู้บริโภคเข้าใจ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้"
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ " ไมโล แอคทิฟ-บี ทรีอินวัน ซีเรียล ผสมธัญญาหาร ซึ่งมีการวิจัยก่อนทำตลาดมาแล้ว 2 ปี เพื่อเจาะตลาดกลุ่มเด็ก อายุ 6-12 ปี และถือเป็นสินค้าที่จะเข้ามาปรับภาพแบรนด์ให้ทันสมัยผ่านการทำตลาด และกระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลังได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้บริษัทได้จับมือร่วมกับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป จัดกิจกรรม " ไมโล แอคทิฟ-บี พลัง แห่งความพร้อม" ตั้งแต่วันที่ 6-12 กันยายน 2550 นี้ ที่ เดอะ มอลล์บางกะปิ เพื่อเปิดตัวสินค้าดังกล่าวด้วยเกมส์และกิจกรรมทดสอบพลังสมองและร่างกาย ,การแสดง, และการ จำหน่ายสินค้าโปรโมชันอีกด้วย
ตลาดเครื่องดื่มช็อคโกแลตมอลต์มูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดชนิดผง 21% , ชนิด ทรีอินวัน 27% และพร้อมดื่ม 51% คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทั้งนี้สินค้ากลุ่มทรีอินวัน มีอัตราการเติบโตสูงสุดในตลาด ปัจจุบันไมโลเป็นอันดับ 2 ในตลาดด้วยส่วนแบ่ง 30% มาจาก 2 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ชนิดผง มีส่วนแบ่ง 21% และ ทรีอินวัน คิด เป็น 40% ขณะที่โอวัลตินมีส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งกว่า 70%
สำหรับผลประกอบการในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัทมีการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นรายได้ให้เติบโตเป็น 15% ตามเป้าที่วางไว้ และในปีหน้า เชื่อว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|