ศรีทองฯเร่งโกยยอดเข้าเป้าสิ้นปีหั่นราคา-ดึงทูตแบรนด์ดันอิมเมจ

ศรีทองฯเร่งโกยยอดเข้าเป้าสิ้นปีหั่นราคา-ดึงทูตแบรนด์ดันอิมเมจ

ผู้จัดการรายวัน(7 กันยายน 2550)

กลับสู่หน้าหลัก

ศรีทองฯ ก้มหน้ารับเศรษฐกิจแย่ ส่งยอด 8 เดือนหล่น 5% ประกาศรบทุกทางสวนหมัดเด็ด ปล่อยคอลเลกชันใหม่ พร้อมรับปรับราคาขายลง15% เหตุนำเข้าถูก ล่าสุดดึงคนดัง ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ครั้งแรกในไทยหวังช่วยดันภาพลักษณ์ ผลักยอดขายสิ้นปีโตสู่เป้า 10 %

นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล ผู้จัดการทั่วไป ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีทองพาณิชย์ ผู้นำเข้าและทำตลาดนาฬิกาซิติเซ็น เปิดเผยว่า การทำตลาดในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ ยอมรับว่าผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังซื้อลูกค้าลดลงไปมาก ส่งต่อให้ยอดขายนาฬิกาซิติเซ็นเอง ซึ่งเป็นนาฬิกานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มียอดขายตกไปถึง 5%

ดังนั้นบริษัทฯจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดเพิ่มเติมจากเดิม เพื่อดันยอดขายสู่เป้าให้ได้ 10% ซึ่งแผนแรกบริษัทฯจะนำโปรโมชันด้านราคาปรับลดลงจากราคาขายปกติ 10 -15% ทั้งนี้สาเหตุที่ทำได้เนื่องจากข้อได้เปรียบจากอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้การนำเข้าถูกลงมากกว่าเดิม พร้อมกันนี้บริษัทฯยังเตรียมออกคอลเลคชันใหม่ๆเป็นจำนวน 10 รุ่นต่อเดือน สร้างความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้า

ลำดับที่สองบริษัทฯ จะเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ นาฬิกาซิติเซ็นระบบอีโค-ไดร์ฟ คนไทยขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้เชิญ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล มาเป็นตัวแทนของแบรนด์ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งในการเปิดตัวแอมบาสเดอร์ในครั้งนี้ถือเป็นการชูภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณ 10% ของยอดขายกิจกรรมทางการตลาด สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า เช่น นิยสาร โรดโชว์ เป็นต้น ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์ในต่างจังหวัด รวมถึงกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่าย ที่มีอยู่ 500 รายทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงธันวาคม พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนนำเข้านาฬิกาซิตีเซ็น เข้ามาจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 40 รุ่น อาทิรุ่นเฉลิมพระเกียรติ มี 980 เรือนที่จะเริ่มวางขายในปลายเดือนกันยายน2550

ขณะเดียวกันนอกจากการมุ่งมั่นในการทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯยังมองการพัฒนาช่องทางการขายของแบรนด์ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการจัดวางและการเพิ่มช่องทางโยกย้ายเข้ามาขายในห้างสรรพสินค้ามากยิ่งขึ้น สาเหตุเนื่องจากพฤติกรรมการเลือกซื้อนาฬิกาของผู้บริโภคจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยจะไม่นิยมซื้อนาฬิกาผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายแต่จะหันมาซื้อสินค้าผ่านร้านในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันแบรนด์นาฬิกาซิติเซ็น มียอดขายผ่านตัวแทนจำหน่าย 60% และอีก 40% เป็นการขายผ่านห้างสรรพสินค้า

ด้านนายโยชิตากะ โอจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิติเซ็น ประเทศสิงคโปร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดนาฬิกาแบรนด์ซิติเซ็น ในเอเชียมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นถึง 20% สาเหตุอันเนื่องมาจากบริษัทฯ ได้ออกนาฬิการุ่นใหม่อีโค-ไดร์ฟ ซึ่งคุณสมบัติจะสามารถแปลงพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน โดยเชื่อว่านาฬิการุ่นอีโคไดร์ฟจะทำให้บริษัทมียอดขายเติบโตปีละ 10% ทุกปี ปัจจุบันในเอเชีย ซิติเซ็นญี่ปุ่นมียอดขายเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นตลาดจีน ขณะที่เมืองไทย ซิตีเซ็นมียอดขายติด 1 ใน 5 ของเอเชีย

กลับสู่หน้าหลัก

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย