"ชนชั้นกลาง : กระฎุมพีใหม่ เป็นใคร มาจากไหน…?"

โดย นฤมล อภินิเวศ วิลาวัณย์ วิวัฒนากันตัง โสภิดา วีรกุลเทวัญ
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

"คนชั้นกลาง" ดูจะเป็นคำใหม่สำหรับสังคมไทยและไม่ใช่คำที่มีความหมายตายตัวหรือสมบูรณ์ในตัวเอง คนชั้นกลางของแต่ละสังคมจะมีลักษณะบางอย่างร่วมกันทั่วโลก คือ รักงานสะอาด ทำงานที่เป็นวิชาชีพ ต้องอาศัยการเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ ใช้ทักษะ ไม่ใช่งานที่ใช้แรงงานหนัก เป็นคนที่มีความปรารถนาในชีวิตไม่รู้จบ สะสมวัตถุตามระบบทุนนิยมที่เกื้อหนุน เช่น มีบ้านบ้านก็ต้องมีสนามหญ้า มีแอร์ แล้วก็มีรถ เล่นกอล์ฟ เป็นต้น

"ยิ่งเป็นชนชั้นกลางแท้ก็ยิ่งมีลักษณะเหล่านี้มาก" บุญรักษ์ คณบดีคณะวารสารฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงโฉมหน้าของ "ชนชั้นกลาง"

นี่เป็นลักษณะที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยผ่านระบบการสื่อสารที่เข้าถึงกันอย่างรวดเร็วจนรู้สึกว่าโลกใบนี้แคบลงถนัดตา ซึ่งบุญรักษ์มองว่าเป็นเพราะถูกครอบโดยสื่อ และทำให้อยากเข้าร่วมกับสังคมกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

บุญรักษ์กล่าวว่า "ชนชั้นกลาง" สามารถไต่เต้ามาจากหลายระดับ อาจจะมาจากลูกชาวนา แต่มีความรู้ที่พัฒนาจากทักษะขาย PROFESSIONAL SKILL ซึ่งจะเปลี่ยนได้จากการศึกษา จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนที่สอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้รู้สึกเหมือนชีวิตจะดับ เนื่องจากคนต้องการได้ทุกอย่างได้เร็วที่สุด

ยิ่งเป็นกลุ่มมืออาชีพเฉพาะด้าน เมื่ออายุมาก เงินเดือนก็ยิ่งแพง

บางส่วนอาจจะมีสินทรัพย์ที่สะสมดั้งเดิม อาจจะเป็นลูกเจ้าของที่ดิน แล้วไปทำงานเงินเดือน 2-3 หมื่นบาท เป็นต้น หรือบางคนอาจจะไม่จบปริญญา แต่ลงทุนค้าขายสร้างฐานะเอง และสนใจใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา "ชนชั้นกลาง" จึงมีมิติของรายละเอียดต่างกัน

ขณะที่บริษัทวิจัยและที่ปรึกษา ซี. เอส. เอ็น. แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด ได้นิยาม "ชนชั้นกลาง" ในแง่คุณภาพโดยมีคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น

มีอาชีพเป็นเจ้าของกิจการ หรือมีเงินเดือนมากว่าหนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป มีบัญชีในธนาคาร 2-3 บัญชี มีบัตรเครดิต 1-2 ใบ เดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวหรือเจรจาธุรกิจอย่างน้อยปีละครั้ง มีรถยนต์ส่วนตัวอย่างน้อย 1 คัน และใช้อุปกรณ์สื่อสาร เช่น วิทยุติดตามตัว หรือโทรศัพท์มือถือ (โปรดดูตาราง "ลักษณะของชนชั้นกลาง")

ทั้งนี้ "ชนชั้นกลาง" จะพัฒนาได้ดีในสังคมทุนนิยม ซึ่งระบบการปกครองที่เกื้อหนุนที่สุด คือ ประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม บุญรักษ์มองว่า สังคมทุนนิยมมีความทารุณอยู่ในตัว โดยเฉพาะกระฎุมพีในไทย ยังมีไม่มากจนทีวีแพร่หลายเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมาและกลายเป็นสื่อเย้ายวนให้คนดูมีความต้องการสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ "อยากได้โน่นอยากได้นี่เรื่อยไป ทำให้คนยอมขายที่ดิน หรือบางคนขายลูกสาวเพื่อให้ได้วัตถุตามต้องการ เป็นภาวะที่ทำให้จิตใจปั่นป่วนอยากมีหน้ามีตามีวัตถุต่าง ๆ อย่างที่คนอื่นมี" เว้นเสียแต่ว่าจะรู้จักพอ

ขณะที่สื่อจะซับซ้อนมากขึ้นตามสังคมและเศรษฐกิจที่ยุ่งยากขึ้นเช่นกัน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.