ธ.ออมสินดอดถือTDEXสูงสุดเคจีไอมั่นใจเทรดวันแรกคึกคัก


ผู้จัดการรายวัน(5 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับไทยเด็กซ์ เซ็ท 50 อีทีเอฟ เข้าซื้อขายในหมวดธุรกิจหน่วยลงทุน ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2550 เป็นต้นไป ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TDEX" ซึ่งจากการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปและผู้ร่วมค้าหน่วยที่ผ่านมา พบมีผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 ส.ค. 2550 จำนวน 778 ราย คิดเป็น 178 ล้านหน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 5.68 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 1,011 ล้านบาท

"อิควิตี้ อีทีเอฟ ที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกและมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากอิควิตี้ อีทีเอฟที่จะเข้าซื้อขายนี้ จะกระจายการลงทุนในหุ้น 50 ตัวในดัชนี เซ็ท 50 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้น 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาดและมีสภาพคล่องสูง ซึ่งในอนาคตการออกอิควิตี้อีทีเอฟ จะมีการอ้างอิงกับดัชนีอื่นๆ หรือสินค้าอ้างอิงอื่นๆ มากขึ้น และสนับสนุนให้ตลาดทุนไทยพัฒนาไปสู่การเป็นตลาดทุนที่มีสินค้าหลากหลาย และครบวงจร ต่อไป"นางภัทรียากล่าว

จากข้อมูลนักลงทุนที่ลงทุนกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟหรือ TDEX ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 10 อันดับแรก ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วย อันดับ1 ธนาคารออมสินจำนวน 52.76 ล้านหน่วย หรือคิดเป็น 29.64% มูลค่า 299.69 ล้านบาท อันดับ 2 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI 46.18 ล้านหน่วย คิดเป็น 25.95% มูลค่า 262.34 ล้านบาท อันดับ 3 ตลาดหลักทรัพย์ฯ 17.58 ล้านหน่วย หรือ 9.88% มูลค่า 99.89 ล้านบาท อันดับ 4 สำนักงานประกันสังคม 17.58 ล้านหน่วย หรือ 9.88% มูลค่า 99.89 ล้านบาท อันดับ 5 บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด 4.13 ล้านหน่วย หรือ 2.32% มูลค่า 23.47 ล้านบาท

อันดับ 6 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 3.51 ล้านหน่วย หรือ 1.98% มูลค่า 19.97 ล้านบาท อันดับ 7 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด 2.63 ล้านหน่วย หรือ 1.48% มูลค่า 14.98 ล้านบาท อันดับ 8 นายสัจจา ตรีวานิช 1.75 ล้านหน่วย หรือ 0.99% มูลค่า 9.98 ล้านบาทอันดับ9 น.ส.พรเพ็ญ เดชวิไลศรี 1.75 ล้านหน่วย หรือ 0.99% มูลค่า 9.98 ล้านบาท อันดับ 10 บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) 879,300หน่วย หรือ 0.49% มูลค่า 4.99 ล้านบาท

นางนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล. เคจีไอ ในฐานะทุนผ่านผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนและผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เกตเมคเกอร์) กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ หรือ TDEX กล่าวถึงTDEX ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 6 กันยายนนี้ ว่า บริษัทเชื่อว่า TDEX จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาซื้อขายจำนวนมาก เพราะขณะนี้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่ยังไม่ได้เข้าลงทุน

"หลังจากที่ได้ปิดจองซื้อ TDEX ซึ่งมียอดจองซื้อจำนวน 1,011 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ และเชื่อว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต โดยขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันที่ได้จองซื้อไปแล้วและต้องการที่จะซื้อเพิ่มได้ติดต่อมายังบล.เคจีไอ เพราะมองว่าที่จองซื้อไปน้อยเกินไป"นางนฤมล กล่าว

ทั้งนี้ บล.เคจีไอ ได้มีการจองซื้อจำนวน 46.18 ล้านหน่วย หรือ 25% โดยใช้เงินจากพอร์ตการลงทุนของบริษัทเข้าไปซื้อ ซึ่งบริษัทมีนโยบายที่จะลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทมองว่าการเข้ามาซื้อครั้งนี้ต่ำเกินไป และมีแผนที่จะเข้ามาซื้อในตลาดอีก โดยบริษัทมีมูลค่า พอร์ตการลงทุนรองรับการเข้ามาลงซื้อหุ้นใน TDEX ได้ถึง 1,000 ล้านบาท โดยการที่บริษัทจะเข้ามาซื้อTDEXเพิ่มอีก เนื่องจากบริษัทเป็นมาร์เกตเมคเกอร์ดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยลงทุนที่เพียงพอรองรับการซื้อขายของนักลงทุนที่เข้ามาลงทุน เพื่อที่จะทำให้กองทุนดังกล่าวมีสภาพคล่องที่ดี

นางนฤมล กล่าวว่า กรณีที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ไม่ยกเว้นมาตรการกันเงินสำรอง 30% ของนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุน TDEX ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในช่วงที่ราคาไม่สูง ซึ่งการที่ธปท.ไม่ยกเว้นให้เพราะกังวลว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนนี้จำนวนมาก จึงกังวลว่าจำทำให้ค่าเงินบาทมีการแข็งค่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าในอนาคตทางธปท.จะมีการผ่อนเกณฑ์ 30% ให้กับ TDEX แน่นอน จึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนก่อนที่ต่างประเทศจะเข้ามาซื้อ

ธปท.เตรียมพิจารณาผ่อนเกณฑ์30%

นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อสายตลาดเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้ขอผ่อนผันการกันสำรอง 30% สำหรับเงินลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ จากก่อนหน้านี้ ธปท.ได้แจ้งไปแล้วว่าไม่ผ่อนผันให้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้ยื่นเรื่องขอผ่อนผันกลับมาให้ธปท.พิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น ธปท.จะมีการหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต. อีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจในนิยามให้ตรงกันก่อน

"ธปท.อาจจะพิจารณาอีกครั้ง และทำความเข้าใจระหว่างนิยามของคำว่าหุ้นกับกองทุนอย่างเช่น คำนิยามของ เอ็นดีวีอาร์ที่มีการตีความหมายแล้วถือว่าเป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง" นายสุชาติ กล่าว

ดัชนีหุ้นร่วงตามตลาดภูมิภาค

ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (4 ก.ย.50) ดัชนีปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาด และเคลื่อนไหวในแดนลบต่อเนื่องตลอดวัน ก่อนที่จะลดลงมาปิดที่ 810.86 จุด ลดลง 9.33 จุด หรือ 1.14% มูลค่าการซื้อขาย 14,403.76 ล้านบาท โดยดัชนีมีจุดสูงสุดที่ 818.43 จุด และมีจุดต่ำสุดที่ 810.37 จุด มีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 71.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 603.14 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 531.78 ล้านบาท

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นภูมิภาค และมีแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง รวมทั้งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีการลงทุนในตราสารที่มีหนี้เป็นหลักประกัน (CDO) จะต้องมีการบันทึกบัญชีให้เหมาะสม

นางสาวจิตติมา อังวสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายที่ปรึกษาการลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่าในระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาที่จะปรับตัวลดลงหลุดแนวรับทางเทคนิคที่ระดับ 800 จุด ได้ เนื่องจากปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งหากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลงแรงจะทำให้มีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.