|
เอเวอร์แลนด์ฯเตรียมขายบริษัทลูก
ผู้จัดการรายวัน(4 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ตระกูลโลจายะ ตัดขายหุ้นในบริษัทมายรีสอร์ทฯ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ ให้แก่บริษัท นิวฮาร์เบอร์วิลล์ฯ จำกัด หลังมีภาระต้องจ่ายหนี้และหาแหล่เงินพัฒนาโครงการต่อ เหตุD/E สูงกว่า 2 เท่า สถาบันการเงินไม่เสี่ยงปล่อยกู้ แถมหลักประกันที่มีอยู่จดจำนองกับแบงก์หมด ยันบริษัทเอเวอร์แลนด์ฯโครงการที่อยู่พัฒนาและขายอีกหลายโปรเจกต์
นายสวิจักร์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้อนุมัติขายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท มายรีสอร์ท จำกัด (บริษัทถือหุ้น 99.99%) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์เฟส 2-10 โดยคาดว่าจะก่อสร้างบ้านเดี่ยวจำนวน 1,179 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ซื้อคือ บริษัท นิวฮาร์เบอร์วิลล์ จำกัด มีนายอนุชาติ โปรา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ซึ่งจะชำระเงินภายใน 45 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา
สาเหตุที่มีความจำเป็นในการขายหุ้นบริษัทดังกล่าว เนื่องจากที่ดินมีขนาดใหญ่จำนวน 500 กว่าไร่ จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาสูง และต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเป็นระยะเวลานาน และตั้งแต่ที่บริษัท มายรีสอร์ทฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ยังมิได้พัฒนาเพื่อสร้างรายได้กลับคืนให้แก่บริษัท ขณะที่สินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทและบริษัทย่อย ได้นำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงินและบุคคลภายนอก ดังนั้น จึงไม่มีทรัพย์สินใดที่ปลอดภาระผูกพัน ซึ่งบริษัทจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกัน ในการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินได้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาและมีความจำเป็นต้องมีกระแสเงินสดในการดำเนินการ แม้ในช่วงที่ผ่านมา ได้ชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเสร็จสิ้น และพยายามหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน แต่ด้วยหนี้สินต่อทุนในระดับสูงเกินกว่า 2 เท่า ทำให้การหาแหล่งเงินกู้ยืมจึงไม่ประสบความสำเร็จ
"วิธีการจำหน่ายเงินลงทุน จะช่วยลดจำนวนทรัพย์สินที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปัจจุบัน โดยการพัฒนาโครงการในเฟสที่ 2-10 นี้ อาจต้องใช้ระยะเวลาอีก 3 ปี ภายหลังการพัฒนาโครงการในเฟสที่ 1 เสร็จสิ้น จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ดังนั้นบริษัทอาจต้องถือทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ นับตั้งแต่การซื้อคืนจากเจ้าหนี้เป็นเวลารวมทั้งสิ้นถึง 6 ปี ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดภาระผูกพัน ที่บริษัทต้องชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 229,271,200 บาทให้แก่บริษัทมายรีสอร์ทฯ ส่งผลให้หนี้สินต่อทุนลดต่ำจาก 2.08 เท่า เหลือเพียง 1.57 เท่า "นายสวิจักร์ กล่าว
สำหรับการขายหุ้นในบริษัท มายรีสอร์ท จำกัด จะมีจำนวน 44,999,994 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยงบการเงินของบริษัท มายรีสอร์ทฯ ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 450 ล้านบาท โดยในด้านฐานะการเงินของบริษัทมายรีสอร์ทฯ ถึงวันที่ 31 ก.ค.2550 มีสินทรัพย์รวม 220 ล้านบาท หนี้สิน 0.25 ล้านบาท รายได้ 7.19 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการโอนที่ดินของบริษัทมายรีสอร์ทฯให้แก่บริษัท เอเวอร์แลนด์ฯ จำนวนกว่า 16 ไร่ ตามแผนการจัดสรรโครงการในเฟสที่ 1
นายสวิจักร์ กล่าวถึงแผนการใช้เงินจากการขายหุ้นบริษัทมายรีสอร์ทฯ ที่จะเกิดขึ้นจากการทำรายการประมาณ 259.53 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนหนี้บุคคลภายนอก 107.87 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ 151.66 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้บริษัทจะจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทมายรีสอร์ทฯไปแล้ว ทางบริษัทเอเวอร์แลนด์ฯยังมีทรัพย์สินหลักที่ปัจจุบันพัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการขาย ได้แก่ โครงการ โครงการมายโฮมเทพารักษ์ ตั้งอยู่บนที่ดินจำนวน 19-3-17ไร่ บนถนนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งก่อสร้างเป็นโฮมทาวน์ 3 ชั้น จำนวน194 ยูนิต คาดว่าจะดำเนินการขายเสร็จสิ้น และปิดโครงการได้ภายในปี พ.ศ 2551
โครงการมายวิลล่า บางนา ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ เขตบางนา กทม.รวม 262 ยูนิต คาดว่าจะปิดโครงการภายในปี 2551 นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการในอนาคต 2 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,851 ล้านบาท
โครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เป็นโครงการซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่สุวินทวงศ์เนื้อที่ประมาณ 120ไร่ และอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะก่อสร้างและขายในลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวจำนวนประมาณ 254 ยูนิต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดสรร และวางแผนด้านการขาย คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ประมาณปลายปี 2550 นี้ โดยมีระยะเวลาในการขายและพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2550 ถึง 2552
โครงการมายโฮมเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ1,600 ลบ. เป็นโครงการภายใต้การดำเนินการของบริษัท ณัฐนันท์พัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทเอเวอร์แลนด์ฯถือหุ้นอยู่ 99.99% ตั้งอยู่บนทีดินที่ อ. แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ 170 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และจะก่อสร้างและขายในลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวจำนวนประมาณ 500 ยูนิต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดสรรโครงการและวางแผนด้านการขายในเฟสที่ 1 มีมูลค่าโครงการประมาณ 610 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 239 ยูนิต คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ ประมาณปลายปีนี้ 2550 นี้ โดยมีระยะเวลาในการขายและพัฒนาโครงการตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงปี 2553
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|