|

เซทเทเลมอ่วมยอดหนี้เน่าท่วม เหตุมิจฉาชีพปลอมเอกสารกู้เงิน
ผู้จัดการรายวัน(3 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เซทเทเลมหนี้เน่าอ่วม หลังเจอกลุ่มมิจฉาชีพปลอมเอกสารกู้เงิน ระบุต่อจากนี้เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษ จัดอบรมพนักงานรู้ทันพฤติกรรมกลโกงและร่วมพันธมิตรร้านค้าช่วยเป็นหูเป็นตา พร้อมตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อ 3 ปีโต 3 เท่า
นางวาเลรี เมเรียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ให้กับลูกค้าไม่ใช่คิดจากฐานสินเชื่อนั้น จะเห็นว่าบริษัทมีเอ็นพีแอลอยู่ประมาณ 10% โดยเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ 28% และเมื่อเทียบในยุโรปซึ่งมีแอลพีแอลอยู่ที่ 1.5% จากการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 10% นั้นถือว่าเอ็นพีแอลของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยสาเหตุหลักมาจากการที่มีกลุ่มมิจฉาชีพทำการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อมายื่นที่บริษัท ซึ่งขณะนี้ยังจับกุมไม่ได้ ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นไม่สามารถจะตอบได้ โดยกรณีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุโรป
สำหรับแนวทางที่ทางบริษัทได้ดำเนินการเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ คือ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยได้จัดอบรมพนักงานให้รู้ถึงพฤติกรรมและรูปแบบที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ และได้นำโปรแกรมตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียดมาใช้เพื่อให้มีความรัดกุมในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น รวมถึงการร่วมมือกับร้านค้าที่เป็นพันธมิตรในการช่วยตรวจสอบ ซึ่งหากตรวจสอบก็จะจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด
ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของไทยในขณะนี้ ถือว่าเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่าคนไทยสามารถสู้กับความยากลำบากได้ แต่ในด้านการพัฒนาเครดิตและการเงินเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านถือว่ายังช้าอยู่ คาดว่าในอนาคตการพัฒนาน่าจะดีขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้ห่วงภาวะเศรษฐกิจของไทย
นางวาเลรี กล่าวว่า เป้าหมายการทำงานต่อจากนี้วางไว้ว่าอีก 3ปี พอร์ตสินเชื่อคงค้างจะต้องขยายตัว 3เท่าตัว โดยในปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อทั้งสิ้นประมาณ 5, 000 ล้านบาท โดย 50% เป็นสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระสินค้าจาก พันธมิตรร้านค้า เช่น คาร์ฟู, พาวเวอร์บาย และบิ๊กซี อีก50%ที่เหลือจากสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่อไป จากนี้จะให้ความสำคัญกับสินเชื่อบุคคลเป็นหลัก โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เช่นร่วมกับธนาคาร บริษัทประกันในการทำการตลาดเพราะถือว่าน่าจะไปได้ดี และเข้าถึงตลาดได้มากขึ้นแม้ว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการให้สินเชื่อส่วนบุคคลด้วยก็ตาม หากเทียบความเชี่ยวชาญแล้ว บริษัทถือว่ามีความเชี่ยวชาญกว่า
ทั้งนี้ เพื่อให้การขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทเป็นไปตามที่ คาดการณ์ไว้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกสินเชื่อเพื่อการศึกษา คาดว่าในระยะแรกของแคมเปญจะได้รับการตอบรับจากผู้ที่สนใจทั้งในส่วนของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนประมาณ 100-200 รายต่อมหาวิทยาลัย และในจำนวนนี้ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อประมาณ 12-15% และภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีผู้สนใจขอสินเชื่อ 300 ราย ทั้งนี้ สำหรับปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ไม่น่าจะกระทบต่อยอดปล่อยสินเชื่อนี้แต่อย่างไร เนื่องจาก การศึกษายังมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนให้มีความกินอยู่ที่ดีขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|