"พฤติกรรมบริโภคข้อมูลของนักธุรกิจ"

โดย รัชนี วีระวัฒนยิ่งยง
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

นักธุรกิจ 65% มีความต้องการบริโภคข้อมูลและข่าวสารที่รวดเร็ว เพื่อชิงความได้เปรียบในสงครามการค้า และ 60% ต้องการข้อมูลข่าวสารที่ส่งผ่านทาง FAX"

การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ นักธุรกิจและผู้บริโภคต้องเสียต้นทุนในการสืบหาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจค่อนข้างสูง โดยเฉพาะต้นทุนด้านเวลา เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ อยู่กระจัดกระจายและไม่เป็นระบบ

ผู้ที่มีความต้องการข่าวสารข้อมูลส่วนใหญ่ยังขาดทักษะในการสืบค้นข้อมูลที่ตนต้องการ โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง ผู้ที่จะให้บริการข่าวสารข้อมูลที่ดีจะต้องสามารถนำเสนอแก่ผู้รับบริการในรูปของข้อมูลสำเร็จรูปโดยที่ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องนำข้อมูลไปประมวลผลอีก

การนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ สามารถกระทำได้ 2 รูปแบบ คือ หนึ่ง สิ่งตีพิมพ์ และสอง ข้อมูลตามสาย

เมื่อธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้รับบริการข่าวสารข้อมูลได้รับการตอบสนองในรูปแบบของความต้องการของตนแล้ว ผู้รับบริการจะสามารถพัฒนาองค์กรของตนได้ดังนี้

- เพิ่มความสามารถทางการตลาดในสินค้าของตนเช่น ครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น

- สามารถกำหนดกลยุทธ์ทางด้านราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- สามารถประมาณกำไรของตนได้ค่อนข้างแม่นยำ

ความต้องการ

จากการสำรวจพบว่า โดยรวมแล้วข้อมูลที่มีการใช้มากที่สุดคือ ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ, การเงินการธนาคาร, การตลาด และข้อมูลทางด้านการเมือง ซึ่งสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่าการใช้ข้อมูลของกิจการแต่ละประเภทยังไม่ค่อยมากหรืออยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ประกอบการธุรกิจในปัจจุบันมีการใช้ข้อมูลจากทั้งภายในองค์กรและนอกองค์กรในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือ 46% และ 54% แต่ค่อนไปทางการใช้ข้อมูลจากภายนอกองค์กรมากกว่า

ในส่วนของแหล่งข้อมูลจากภายนอกองค์กรนั้นพบว่า ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากหน่วยงานรัฐบาล วิธีการได้ข้อมูลของแต่ละบริษัทที่ได้รับจากภายนอกองค์กรโดยมากจะได้จากการขอข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ (48.4%), ซื้อจากบริษัทที่จัดทำให้เรียบร้อยแล้ว (20%) และการแลกเปลี่ยนจากหน่วยงานอื่น (14.2%)

ปัจจุบันมีศูนย์บริการข้อมูลต่างประเทศอยู่หลายแห่งเช่น JETRO, JICA, US & FCS, KOTRA ซึ่งผลปรากฏว่าบริษัทส่วนใหญ่ประมาณ 89.2% ยังไม่เคยใช้ศูนย์ข้อมูลประเภทนี้เลย ในส่วนของผู้ที่เคยใช้มักจะใช้ข้อมูลจาก JETRO และ JICA

บริษัทส่วนใหญ่จะมีความพอใจกับข้อมูลเดิมที่ใช้กันอยู่แล้วประมาณ 60.8% แต่ถ้าแยกตามประเภทกิจการแล้วจะพบว่าในส่วนของกลุ่มก่อสร้างและที่ดิน และกลุ่มโฆษณาและบริการอื่น ๆ ยังไม่พอใจข้อมูลเดิมที่มีอยู่ (66.7%) ส่วนกลุ่มอุปกรณ์สำนักงานนั้นความพอใจต่อข้อมูลเดิมมีถึง 100%

สำหรับสาเหตุที่ไม่พอใจต่อข้อมูลเดิมที่ใช้อยู่ก็เนื่องจากข้อมูลไม่ทันสมัย ล่าช้า, ไม่มีรายละเอียดครบถ้วน, ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสูงไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของความไม่พอใจต่อข้อมูลที่ใช้อยู่

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโอกาสให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านข่าวสารสามารถเข้ามารองรับความต้องการในด้านนี้ เพื่อเสริมให้ข้อมูลที่บริษัทได้รับมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในภาวการณ์แข่งขันของธุรกิจ ในปัจจุบันข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้ข้อมูลในมือที่สมบูรณ์และถูกต้องมากเพียงใดก็ยิ่งมีความได้เปรียบคู่แข่งมากยิ่งขึ้น

ผลการสำรวจพบว่าบริษัทธุรกิจต่าง ๆ มีความสนใจที่จะให้หน่วยงานเอกชนช่วยในการรวบรวมหรือจัดเตรียมข้อมูลให้โดยเฉลี่ย 66% ของทั้งหมด โดยข้อมูลที่ต้องการให้หน่วยงานเอกชนเก็บรวบรวมให้ได้แก่ข้อมูลอุตสาหกรรมเฉพาะเรื่อง (24.3%), ข้อมูลด้านการตลาด (20.8%), ข้อมูลภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง (18.8%) และข้อมูลการเงินการธนาคาร (12.5%) เป็นต้น

สำหรับบริษัทธุรกิจที่ไม่ต้องการให้หน่วยงานเอกชนจัดเตรียมและรวบรวมข้อมูลให้เพราะพอใจในแหล่งข้อมูลเดิมที่องค์กรมีอยู่แล้ว สำหรับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาซื้อข้อมูลจากหน่วยงานเอกชน ความถูกต้องเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดรองลงมาคือความทันสมัยและครบถ้วนของข้อมูล อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการในธุรกิจก็ยังไม่มีความมั่นใจต่อหน่วยงานที่จัดทำข้อมูลให้เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการจริง ๆ

ซัพพลายเออร์

ในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการข่าวสารข้อมูลมีการให้บริการในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ คือ

ลักษณะของบริการ จำนวนราย

NEWS CLIPPING 1

สรุปข่าว 6

ข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ธุรกิจมี messenger ส่งให้และทำเป็นภาษาอังกฤษ 1

ส่งเป็นรายสัปดาห์ 3

บริการส่งข่าว เอกสารเกี่ยวกับราชการ 1

TELETEX 1

ให้บริการผ่าน COMPUTER ONLINE 2

ติดต่อขาย 1

รวม 16

การให้บริการข้อมูลข่าวสารในที่นี้จะพิจารณาเฉพาะการให้บริการในลักษณะของบริการตัดข่าว (CLIPPING) และบริการข่าวด่วน (HOT NEWS) ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย บริการตัดข่าว บริการนี้จะมีลักษณะเป็นการรวบรวมข่าวตัดเฉพาะเรื่องจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารทั้งภาษาไทยและต่างประเทศกว่า 20 ฉบับ จัดส่งไปให้ลูกค้าโดยคัดเลือกเฉพาะกลุ่มประเภทสินค้า (CATEGORIES) ที่ลูกค้าต้องการ รูปแบบการส่งจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกก่อน 9.00 น. จะเป็นการส่งสรุปข่าวและข่าวที่สำคัญของเรื่องที่ตัดให้ทางแฟกซ์ ช่วงที่ 2 เวลา 12.00-14.00 น. จะส่งรายละเอียด (FULL TEXT) ของข่าวที่สรุป ในช่วงเช้าจัดส่งโดยใช้ MESSENGER (BY HAND)

บริการข่าวด่วน บริการนี้จัดเป็นบริการสรุปข่าวประจำวันจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารทั้งของไทยและต่างประเทศโดยจะส่งผ่านทางแฟกซ์, COMPUTER ONLINE ซึ่งมีช่วงเวลาส่งเป็น 3 ช่วง แต่ละช่วงจะมีข่าวซึ่งสรุปให้จากแหล่งที่ต่าง ๆ กัน

ภายในบริษัทต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีการตัดข่าวเก็บไว้เพื่อใช้เป้นข้อมูลในการดำเนินกิจการถึง 83.3% กิจการที่มีการตัดข่าวเพื่อเก็บเป็นข้อมูลมากที่สุดคือ เกษตรกรรม, บริการขนส่ง, อุปกรณ์สำนักงาน, โรงแรม ภัตตาคาร ทัวร์, โฆษณาและบริการอื่น ๆ ซึ่งพนักงานตัดข่าวแต่ละบริษัทจะมีพนักงานตัดข่าวจำนวนตั้งแต่ 1-7 คนขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีการศึกษาระดับปริญญาตรี, ปวช,-ปวส. และสูงกว่าปริญญาตรีตามลำดับ

สำหรับหนังสือพิมพ์ที่ใช้ในการตัดข่าวประกอบด้วย นสพ. ธุรกิจ 55.7% และ นสพ. ทั่วไป 44.3% นิตยสารที่ใช้ค่อนข้างมากได้แก่ ASIA WEEK, ASEAN WALLSTREET, ดอกเบี้ยและการเงินธนาคาร เรื่องที่ตัดเก็บส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ การตลาด การเงินธนาคาร อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่แต่ละบริษัทนั้น ๆ ทำอยู่

ความสนใจของบริษัทธุรกิจต่าง ๆ ที่จะให้หน่วยงานเอกชนภายนอกจัดเตรียมรวบรวมในลักษณะของ CLIPPING ปรากฏว่ามีผู้สนใจใช้บริการนี้ 41.2% ไม่สนใจ 58.8% ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากบริการ CLIPPING คือ ผู้บริหารระดับต้นและเจ้าหน้าที่พนักงานเป็นส่วนใหญ่ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริการนี้ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจก่อสร้างและที่ดิน, เกษตรกรรม

สำหรับการให้บริการแบบ HOT NEWS จากการสำรวจพบว่า มีผู้สนใจบริการนี้ 64.7% และไม่สนใจ 35.3% ซึ่งจะเห็นได้ว่าหน่วยงานธุรกิจมีความสนใจต่อบริการ HOT NEWS มากกว่าโดยรวมแล้วข่าวที่สนใจเป็นพิเศษคือข่าวในประเทศ, ข่าวต่างประเทศ, ข่าวหลักทรัพย์ สำหรับเหตุผลของกลุ่มที่ไม่สนใจบริการนี้คือเห็นว่าไม่จำเป็นต่อกิจการที่ทำอยู่, มีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วทั้งจากบริษัทเองและของบริษัทในเครือ

รูปแบบของความต้องการส่งข้อมูลแบบ HOT NEWS

(จากการสำรวจ)

FAX 60.4%

เอกสาร 18.8%

COMPUTER ONLINE 13.5%

DISKETTE 3.1%

อื่น ๆ (วิทยุ MESSENGER) 4.2%

รวม 100.0%

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการส่งข่าวแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ 8.00 น., 12.00 น. และ 16.30 น. เท่ากับ 52.9%, 49.0% และ 37.3% ตามลำดับ บริการ HOT NEWS เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับสูงมากกว่าเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริการประเภทนี้ได้แก่ธุรกิจการเกษตรกรรม, อุตสาหกรรม, สถาบันการเงิน, ตัวแทนจำหน่าย, โฆษณาและบริการ ความพร้อมในการรับเทคโนโลยีการสื่อสารของบริษัทต่าง ๆ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่แสดงถึงความสามารถในการรับบริการ CLIPPING และ HOT NEWS พบว่ากิจการเกือบทั้งหมดมีความพร้อมค่อนข้างมาก ถึงขนาดที่สามารถรับบริการทางด้าน COMPUTER โดยมีอุปกรณ์เครื่องโทรสาร (FAX) 95.1% อุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 94.1% โดยเฉพาะ PERSONAL COMPUTER มีใช้สูงถึง 89.2% ทำให้เห็นถึงความพร้อมในการพัฒนาส่งข้อมูลข่าวสารโดยใช้ COMPUTER ONLINE

จากที่กล่าวมาข้างต้นเห็นได้ว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างก็ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของข้อมูลและข่าวสาร ดังจะเห็นได้จากภายในองค์กรธุรกิจเหล่านี้ก็มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในระดับหนึ่ง ด้วยโอกาสนี้เองจึงทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสารสนเทศ (INFORMATION INDUSTRY) เข้ามาดำเนินธุรกิจในด้านจัดหาหรือจัดทำผลิตภัณฑ์ข้อมูลข่าวสาร หรือบริการข้อมูลเพื่อช่วยให้ลูกค้าหาแหล่งข้อมูลหรือนำข้อมูลไปสู่มือลูกค้าได้สมบูรณ์และถูกต้องมากยิ่งขึ้น แม้ว่าบริการที่เสนอออกมาในรูปของบริการตัดข่าวจะยังไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้บริการเนื่องจากมีการเก็บข้อมูลในลักษณะเดียวกันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการเสนอบริการข่าวด่วนก็เป็นที่สนใจพอสมควรและในแง่ของลูกค้าก็มีความพร้อมในการรับบริการในด้านเทคโนโลยีค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสารสนเทศจึงควรที่จะปรับปรุงรูปแบบการให้บริการให้เหมาะสม และตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.