Manufacture des Gobelins

โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เขต 13 (13eme arrondissement) ของกรุงปารีส อยู่ไม่ไกลบ้านจึงไปอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านคนจีน ไหนจะไปโบสถ์ แซงต์-อิปโปลิต (Saint-Hippolyte) ในวันอาทิตย์ และถือโอกาสรับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารจีนและไทย พร้อมกับซื้อกับข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีชาวอินโดจีนพลัดถิ่นเป็นเจ้าของ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน เช่น Tang Freres, Big Store, Paristore, Exostore เป็นต้น แม้ยามต้องการชมภาพยนตร์ ก็ไปแถว Les Gobelins ซึ่งอยู่ในเขต 13 เช่นกัน เลยย่านคนจีนไปนิดเดียว จึงได้เห็นอาคารขนาดใหญ่ดูสวยน่าเยี่ยมชม เห็นชื่อ Manufacture des Gobelins ข้องใจว่าคืออะไร ทราบแต่ว่าเป็นสถานที่ผลิตพรมและเทเปสตรี้ หากตัวอาคารปิดซ่อม จนคิดว่าคงไม่มีวันเปิดอีกแล้ว จวบจนเดือนพฤษภาคม 2007 สื่อฝรั่งเศสต่างลงข่าวว่า Manufacture des Gobelins เปิดให้เข้าชมแล้ว

Les Gobelins เป็นครอบครัวชาวเมืองแรงส์ (Reims) ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทอพรมมาก่อน หากมาเช่าโรงย้อมผ้าริมแม่น้ำบีแอฟวร์ (Bievre) ซึ่งปัจจุบันคือถนน rue Berbier-du-Mets ไม่กี่ปีต่อมา เจฮัน โกบแลง (Jehan Gobelin) กลายเป็น ช่างย้อมสีชื่อดัง พรมทอแบบแฟลนเดอร์เข้ามาในฝรั่งเศส ในสมัยกษัตริย์อองรีที่ 4 (Henri IV) โดยให้ช่างชาวฟลามองด์เข้ามาทำงาน ย่านนี้จึงกลายเป็นย่านทอพรม และ เรียกชื่อย่านนี้ว่า les Gobelins ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ต่อมาใน สมัยหลุยส์ 14 กอล แบรต์ (Colbert) อัครมหาเสนาบดีได้ขอให้ช่างทอชาวฟลามองด์นำเข้าวิธีการย้อม "แบบฮอลแลนด์" และแนะนำให้หลุยส์ 14 ซื้อโรงงานของโกบแลง พร้อมกับรวมโรงงานทอ พรมอื่นๆ เข้าด้วยกันและตั้งชื่อว่า Manu-facture royale des Gobelins ภายใต้การอำนวยการของชาร์ลส์ เลอ เบริง (Charles Le Brun) ซึ่งเป็นสถาปนิกประจำราชสำนัก ในภายหลังรวมอาร์ติสต์สาขาต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งช่างทอง ช่างไม้ ช่างแกะสลักและช่างเฟอร์นิเจอร์ กลายเป็น Garde-meuble de la Couronne ซึ่งรวม Manufacture royale des Gobelins ด้วย อันว่า Manufacture royale des Gobelins มีหน้าที่ทอพรมและผ้าที่ใช้ทำเครื่องเรือนในราชสำนัก ในศตวรรษที่ 18 Manufacture royale des Gobelins ประสบปัญหาการเงิน ต่อเมื่อถึงสมัยนโปเลอง (Napoleon) มีการ บูรณะปราสาทราชวัง จึงสั่งทอผ้าทำเครื่องเรือนในพระราชวังต่างๆ หรือทอเทเปสตรี้

ตัวอาคารของ Manufacture royale des Gobelins ถูกไฟไหม้ในปี 1871 และสร้างขึ้นใหม่ในปี 1914 โดยมีฌอง-กามีย์ ฟอร์มีเจ (Jean-Camille Formige) เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ หากเกิดสงครามเสียก่อน โรงงานทอพรมแปลงเป็นโรงพยาบาล ต่อมา ในปี 1922 จึงมีการจัดนิทรรศการและปิดตัวลงในปี 1972 และใช้เป็นที่เก็บของในปี 1994 ฌาคส์ ตูร์บง (Jacques Tourbon) รัฐมนตรีวัฒนธรรมในขณะนั้น เห็นความจำเป็นในการฟื้นฟูสถานที่แห่งนี้ การปฏิสังขรณ์จึงเริ่มในปี 2004 และเปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2007 ปัจจุบัน Manufacture des Gobelins ขึ้นอยู่กับ Mobilier National

ผลงานของ Manufacture royale des Gobelins ไม่ค่อยเหลือร่องรอยมาจนถึงปัจจุบัน เพราะถูกไฟไหม้ไปพร้อมกับพระราชวังตุยเลอรีส์ (Tuileries) และปราสาท แซงต์-คลูด์ (Saint-Cloud) พรมที่ทอมีทั้งพรมปูพื้นที่เรียกว่า tapis ในภาษาฝรั่งเศส และพรมแขวนข้างฝา ซึ่งเรียกว่า tapisserie ส่วนใหญ่จะทอตามลายภาพเขียนของจิตรกร หรือลายที่จิตรกรวาดให้ อาทิ โคล้ด โมเนต์ (Claude Monet) ราอูล ดูฟี (Raoul Dufy) และเรอดง (Redon) เป็นต้น ลายพรมจะชะลอลงบนแผ่นกระดาษ ขนาดเท่าพรมที่จะทอ ซึ่งช่างทอใช้เป็นแบบในการทอ

Manufacture des Gobelins รวมโรงทอที่ Beauvais และ Manufacture de la Savonnerie แต่ละแห่งมีเทคนิคการทอไม่เหมือนกัน เครื่องทอที่ Manufacture des Gobelins ตั้งเป็นมุมฉากกับพื้น เรียกว่า haute lisse ส่วนที่ Beauvais เครื่องทอจะวางราบ basse lisse โรงทอ Beauvais ตั้งในปี 1664 ที่เมืองโบเวส์ (Beauvais) เป็นคู่แข่ง สำคัญของพรมจากฮอลแลนด์ เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าสำหรับเครื่องเรือน แรกทีเดียวโรงทอ Beauvais เป็นของเอกชน ขายผลิตภัณฑ์แก่เอกชน ในขณะที่ Manufacture des Gobelins ทอให้ราชสำนักเท่านั้น ในปี 1826 โรงทอ Beauvais ยกเครื่องทอแบบ haute lisse ให้แก่ Manufacture des Gobelins และมุ่งทอแบบ basse lisse เท่านั้น ในปี 1945 เมือง Beauvais ถูกทำลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐจึงย้ายโรงทอมาที่ Manufacture des Gobelins อย่างไรก็ตาม ในปี 1989 ส่วนหนึ่งของโรงทอ Beauvais ย้ายกลับไปที่เมือง Beauvais อีกครั้ง

Manufacture de la Savonnerie ตั้งในปี 1627 โดยกษัตริย์หลุยส์ที่ 13 ในโรงผลิตสบู่เก่า ซึ่งมารี เดอ เมดิซีส์ (Marie de Medicis) แปลงเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ช่างทอคนหนึ่ง คือปิแอร์ ดูปงต์ (Pierre Duont) เคยเดินทางไปตุรกี และนำเทคนิคการทอพรมแบบผูกเงื่อน ที่ทำให้ได้พรมกำมะหยี่นุ่ม ในปี 1826 ย้ายมาที่ Manufacture des Gobelins การทอใช้เครื่องทอแบบ haute lisse เช่นเดียวกับ Manufacture des Gobelins

นิทรรศการที่นำออกแสดงนั้นผลิตระหว่างปี 1997-2007 ตามลายที่ออกแบบโดยอาร์ติสต์ อย่าง Jean-Michel Alberola, Christian Bonnefoi, Buraglio, Gerard Garouste, Aki Kuroda เป็นต้น พรมเหล่านี้ ไม่ได้วางจำหน่ายทั่วไป หากทอตามความประสงค์ของหน่วยราชการหรือสถานทูตฝรั่งเศสในต่างประเทศ ลวดลายและสีสดใสตามแบบศิลปะสมัยใหม่ ทำให้ห้องแสดงนิทรรศการดูเจิดจ้า นอกจากพรม แล้วยังมีเครื่องเรือนอีกด้วย

ที่ชั้นสองแสดงเทเปสตรี้โบราณชุด tentures d'Artemise ซึ่งกษัตริย์อองรีที่ 4 เป็นผู้สั่งทอให้มารี เดอ เมดิซีส์ตามแบบที่ออกโดยอองต็วน การง (Antoine Caron) ในปี 1540 เทเปสตรี้ชุดนี้กระจัดกระจายไปในสมัยหลุยส์ 14 ส่วนหนึ่งนำออกขายในอังกฤษ ในปี 2004 เทเปสตรี้ 7 ผืนนำออกขายในท้องตลาด ธนาคาร Natixis รับซื้อไว้ และนำคืนแก่รัฐ

นอกจากเทเปสตรี้แล้ว ยังมีเครื่องเรือน เครื่องตกแต่งบ้าน เช่น นาฬิกาสำหรับ ห้องนอนของนโปเลองที่ 3 (Napoleon III) ในพระราชวังตุยเลอรีส์ (Tuileries) ตู้เตี้ยของ มารี-อองตัวแนต (Marie-Antoinette)

การเที่ยวชมในวันนั้นซื้อตั๋วชมโรงทอด้วย จึงได้เห็นการทอแบบต่างๆ กันของ Manufacture des Gobelins, Manufacture de Beauvais และ Manufacture de la Savonnerie

Manufacture des Gobelins รับนักเรียนประมาณ 20 คน เพื่อฝึกการทอเป็นเวลา 4 ปี กินนอนอยู่ในบริเวณโรงทอนั่นเอง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.