หวั่นตลาดสเตชั่นเนอรี่ปีนี้หดตัวออฟฟิศเมทรุกภาครัฐ เพิ่มกลุ่มกีฬา


ผู้จัดการรายวัน(30 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดเครื่องใช้สำนักงาน โดนกระแสค่าเงินบาทและการเมืองรุมเร้า ปีนี้เชื่อโตเพียง 7-8% ออฟฟิศเมทสู้ไม่ถอย ทุ่มงบ 6 ล้านบาท โหมจัดอีเว้นต์สร้างการรับรู้ เสริมทัพด้วยแคตตาล๊อกอีก 1.5 แสนเล่ม พร้อมทีมขายอีก 35 คน เจาะถึงตัวบริษัทโดยตรง มั่นใจสิ้นปีมีรายได้โตขึ้น 20% หรือกว่า 900 ล้านบาท ส่วนปีหน้าเตรียมบุกหนัก หวังยอดขายทะลุ 1,100 ล้านบาท หลังลงทุนสร้างคลังสินค้าใหม่ที่ลาดกระบังไปกว่า 180 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ในส่วนราชการ และการเพิ่มไลน์สินค้าในส่วนกีฬากระตุ้นยอด

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน ผ่านระบบแคตตาล๊อก และอินเทอร์เน็ท เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้สำนักงานมูลค่า 20,000ล้านบาท ในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงที่ 7-8% จากปีที่ผ่านมาสูงกว่า 10% ทั้งนี้เนื่องมาจากปัจจัยลบด้านต่างๆ เช่น ค่าเงินบาท และโดยเฉพาะการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง

โดยบริษัทฯเองยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยอีกปีหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากยอดการสั่งซื้อสินค้าต่อหนึ่งใบเสร็จจากเดิมเฉลี่ย 4,200 บาท ในปีที่ผ่านมา ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,700 บาท โดยลูกค้าจะมีการซื้อสินค้าเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน แต่เนื่องจากการทำธุรกิจในรูปแบบแคตตาล๊อกและออนไลน์ ส่งผลให้มีลูกค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 17,000-18,000 บริษัท หันมาสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หรือปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าหมุนเวียนสั่งซื้อสินค้ากว่า 6 หมื่นบริษัท

ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมกลยุทธ์ต่างๆในการทำตลาดในปีนี้ไว้หลายอย่าง เช่น 1.เพิ่มแคตตาล๊อกเป็น 1.5 แสนเล่มในการแจกให้กับลูกค้า ภายใต้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 27-28 ล้านบาท โดยแต่ละเล่มมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท 2.เน้นขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ www. Officemate.co.th ทั้งแบบบีทูบี และ E-Procurement 3. การจัดอีเว้นต์ต่างๆ ภายใต้งบประมาณอีก 5-6 ล้านบาท และ 4. มีเซลล์แมนอีก 35 คน ที่จะนำสินค้าเข้าไปเสนอในบริษัทต่างๆ ส่งผลให้รายได้ในช่วง 8-9 เดือนที่ผ่านมา สูงถึง 500-600 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าอีก 3-4 เดือนที่เหลือน่าจะสามารถทำรายได้เติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา มูลค่า 900 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้

คลังสินค้าใหม่พร้อมรับศึกปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ท่าผนมาทางบริษัทฯได้ลงทุนกว่า 180 ล้านบาท สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ขึ้นที่ ลาดกระบัง พื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร จำนวน 15 ไร่ โดยจะเริ่มเก็บสินค้าได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะสามารถรองรับยอดขายในช่วง 3-5 ปี หรือในเฟสแรกได้กว่า 2,500 ล้านบาท และในเฟสที่ 2 จะรองรับได้ถึง 5,000 ล้านบาท ขณะที่คลังสินค้าเดิมได้หมดสัญญาในการเช่าไป

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า จากความพร้อมทางด้านคลังสินค้าครั้งนี้ ทำให้ในปีหน้าบริษัทฯจะทำการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น โดยวางเป้าหมายของรายได้ไว้กว่า 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมแผนการดำเนินธุรกิจของปีหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว เช่น ในส่วนของการทำตลาดจะใช้งบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ทำตลาดทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมและลงสื่อต่างๆ ในสัดส่วนเท่าๆกัน และการเพิ่มจำนวนแคตตาล๊อกเป็น 2 แสนเล่ม

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่อีก 1 รายการ คือ กลุ่มกีฬาอีกไม่ต่ำกว่า 100 เอสเคยู จากเดิมที่มีสินค้าอยู่ทั้งหมด 11 ประเภท รวมกว่า 8,000 เอสเคยู ซึ่งมีเฮาส์แบรนด์รวมอยู่ด้วยอีก 8-9 แบรนด์ หรือประมาณ 800-900 เอสเคยู และที่สำคัญปีหน้าบริษัทฯจะเริ่มเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มราชการ โดยได้พัฒนาซอฟท์แวร์ G-Procurement ขึ้นมารองรับการสั่งซื้อสินค้าสำหรับข้าราชการขึ้นมาโดยเฉพาะ คาดว่า จะสามารถเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้เป็น 20% จากเดิมที่มีสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวเพียง 8-9% เท่านั้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.