|
หลังบ้าน "คน" ค้นคน
โดย
สุภัทธา สุขชู
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เช็คเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหุ้นส่วนและเพื่อนร่วมงานอย่างมาก เพราะเขาตระหนักดีถึงความทุ่มเท เสียสละ และอดทนของคนกลุ่มที่ร่วมลง "เรือลำเดียวกัน" และช่วยกันออกแรงแจวจนผ่านมาถึงจุดที่มีทุกวันนี้
ส่วนคนที่เขายกให้เป็น "หุ้นส่วน" และ "เพื่อนร่วมชีวิตกันอย่างแท้จริง"
เช็คเล่าในหนังสือของเขาที่ชื่อ "ผู้อยู่ในใจเสมอ (ห้องที่ 1)" ว่า ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเขาและเธอเริ่มต้นตั้งแต่เริ่มคบกัน ชวนกันเก็บเงินซื้อรถ ต่อมาก็ซื้อบ้าน จนจะแต่งงานก็ช่วยกันเก็บเงินซื้อแหวนเพชร หลังแต่งงานก็ยังชวนกันเก็บเงินจนซื้อรถโฟร์วีลคันใหญ่ได้
แต่แล้ววันหนึ่ง เช็คก็ชวนศรีภรรยาขายรถ รีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อเอาเงินที่ได้ไปลงทุนตั้งบริษัท โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเสียอะไรในวันหน้า
"ยอมรับว่าหวั่นไหว เพราะไม่ค่อยมั่นใจเลย ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวเขา เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมุ่งมั่น แต่ว่ามันต้องลงทุนไปเยอะ และเราก็เป็นแม่คนก็จะคอยพะวงถึงอนาคตลูก แต่ก็ต้องคอยซัปพอร์ต ส่วนในใจก็คงห้ามไม่ได้ถ้ามันจะกริ่งเกรง"
เลิศลักษณ์ ธรรมวุฒิ ใช้ชีวิตครอบครัวกับเช็คมานานร่วม 13 ปี ทั้งคู่รู้จักและรักกันตั้งแต่อยู่ JSL ด้วยกัน และเมื่อสามีชวนให้ลาออกจาก JSL เพื่อมาช่วยในบริษัทตั้งใหม่ที่ชื่อทีวีบูรพา เธอก็ยอมเข้านั่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการในบริษัทที่ ณ วันนั้นทั้งคู่ก็ยังไม่เห็นอนาคต
เธอเปิดเผยความรู้สึกถึงวันแรกที่ได้เห็นผู้ชายผิวเข้มคนนี้ ซึ่งตอนนั้นไว้ผมยาวว่า ดูบุคลิกน่ากลัว แต่พอพูดแล้วดูสุภาพ นุ่มนวล โดยศิลปะการใช้ภาษา ของเช็คยังถูกนำมาใช้ในเรื่องความรักนี้ด้วย
"เขาเป็นคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าตั้งใจจะทำอะไร เขาก็จะทำให้รู้ไปเลยว่า ตรงนั้นจะไปได้หรือไม่ได้"
นอกจากนี้ ศรีภรรยายังพูดถึงนิสัยอื่นๆ ของสามีที่แสนจะประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณ ความเอื้ออาทรที่มีต่อทีมงานและสังคม ดังจะเห็นได้จากผลงานทุกชิ้น
ทุกวันนี้เช็คกลายเป็นพ่อที่น่ารักของลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 10 ปีมีชื่อว่า "พิมพ์บูรพา" ซึ่งแปลว่า ผู้หญิงแห่งซีกโลกตะวันออก และคนเล็กอายุ 8 ปี มีชื่อที่ความหมายใกล้เคียงกันคือ "อุษาคเนย์" ทั้งคู่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนทอสี
เช็คบรรยายไว้ในหนังสือเล่มเดิมว่าการมาของลูกสาวทั้ง 2 คน มีความหมายต่อเขามาก เพราะทำให้เขารู้ว่าชีวิตจะมุ่งไปที่ไหน บนเส้นทางขากลับ เขาก็รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ใด และยังทำให้เขาได้เรียนรู้ เข้าใจ และค้นพบคำตอบอะไรอีกหลายอย่างของชีวิต โดยเฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับการทำงาน
แต่การเติบโตของทีวีบูรพาก็บั่นทอนเวลาครอบครัวของเช็คลงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเขากลายมาเป็นทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง จากที่เคยพาครอบครัวออกไปทานข้าวนอกบ้านบ่อยๆ ความถี่ก็ลดลง เขาจึงต้องใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการย้ายบ้านมาอยู่ใกล้กับออฟฟิศ เพียงไม่ถึง 5 นาทีจากออฟฟิศ
ปัจจุบันบ้านของเช็คอยู่ในหมู่บ้านธารารมณ์ ในซอยรามคำแหง 43/1 หลังบ้านแห่งนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีลมเย็นๆ พัดโชยมาอย่างสม่ำ เสมอ มีลานกว้างพอดีสำหรับ 4 คน บริเวณนี้มักก่อเกิดห้วงเวลาแห่ง ความอบอุ่นของครอบครัวนี้เพราะเป็นพื้นที่กิจกรรม ทั้งสอนการบ้าน นั่งเล่นพูดคุย ทานอาหารว่าง ให้อาหารปลา เป็นต้น
"ทุกวันนี้ทำงาน 7 วัน กลับบ้านตี 1-2 มาถึงออฟฟิศก็ 9-10 โมงเช้า อย่างนี้ทุกวัน ตอนเช้าลูกตื่น ผมก็จะตื่นขึ้นมาสวัสดีบ๊ายบ่ายลูก จากนั้นก็นอนต่อจน 7 โมงกว่า ตื่นลงมาอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วก็ออกมาทำงานถึงเย็น ถ้างานไม่ยุ่งก็ออกกำลังกายเล็กน้อย แล้วก็ต้องกลับไปเจอลูกที่บ้าน ไปสอนการบ้าน ไปกินข้าว หรือบางวันก็เอาเขาเข้านอนแล้วค่อยกลับมาทำงาน แต่ถ้าไปต่างจังหวัดก็ไม่ได้ทำ"
เพราะตระหนักดีถึงคุณค่าของการอ่าน เช็คทำหน้าที่ปลูกฝังลูกทั้ง 2 คนให้รักการอ่านหนังสือด้วยตัวของเขาเอง เขาฝึกให้ลูกอ่านหนังสือตั้งแต่เล็ก เขากลับบ้านเพื่อไปอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกคืน และตอนเช้าก็จะตื่นมาอ่านให้ฟังอีกรอบ จนลูกอ่านออกเอง เช็คก็จะนั่งอยู่ไม่ห่างเผื่อว่าลูกจะมีคำถามไม่เข้าใจ โดยบ้านนี้มีนโยบายให้ ลูกซื้อหนังสือได้แบบไม่จำกัด
ตรงข้ามกับการดูทีวี เช็คจำกัดเวลาให้ลูกดูทีวีได้เพียงวันละครึ่งชั่วโมงในวันธรรมดา และเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมงในวันเสาร์อาทิตย์ หรือจะเป็นดูทีวี 1 ชั่วโมง เล่นเกม 1 ชั่วโมงก็ได้
"ตอนนี้ทำเคร่งครัดมาก ผมซื้อนาฬิกามาจับเวลาเลย" เขาเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
บนหน้าจอ ทุกคนจะเห็นเช็คในมาดขรึม เคร่งเครียด น้ำเสียง ดุเข้ม แต่กับครอบครัว เขากลายเป็นอีกคน คุยเล่นสนุกสนาน ปล่อย มุกตลกให้ลูกสาวทั้งสองหัวเราะได้ตลอดเวลา ในบ้าน เช็ครับบทเพื่อน เล่นของลูกๆ แล้วปล่อยให้บทโหดเป็นของผู้เป็นแม่
"มันคงใกล้จะอิ่มตัวเต็มทีแล้ว ผมต้องเริ่มลิมิตตัวเอง ต้องเลิกมาทำงานหนักอย่างทุกวันนี้ คงเปลี่ยนมาดูห่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือทุกอย่างต้องพร้อม และแผนทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งต้องไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่ต้องเป็นความเป็นจริงของทีมงาน ของสถานี ของหุ้นส่วน และก็ต้องเป็นความเป็นจริงของครอบครัวด้วย"
ณ วันนี้ เช็คเองก็ยังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวที่รักได้มากกว่านี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|