ตปท.เมินซื้อกองทุนอีทีเอฟ จี้ธปท.ยกเลิกเกณฑ์30%ก่อนเทรด


ผู้จัดการรายวัน(29 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

นักลงทุนต่างชาติเมินซื้อกองทุนอีทีเอฟ ติดมาตรการกันสำรอง 30% เชื่อหากก่อนเทรดจริง 6 ก.ย.ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการหรือไม่ซื้อขายไม่คึกคักแน่ “ภัทรียา” ชี้อนาคตจะนำอีทีเอฟซื้อขายข้ามตลาดควรเปิดเสรีเพื่อให้เม็ดเงินมีการเคลื่อนย้ายสะดวก

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยว่า กองทุนอิควิตี้อีทีเอฟ หรือ ThaiDEX SET50 ETF ที่ปิดการเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป (IPO)วานนี้ (28 ส.ค.) มูลค่าที่เสนอขายได้จำนวนเท่าไรนั้น ต้องรอผลสรุปอีก 1 วัน เนื่องจากที่ยังเปิดขายกองทุนอีทีเอฟแก่ผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนที่จะเปิดการขายในวันนี้(29 ส.ค.)

ทั้งนี้ยอดขายไอพีโอครั้งนี้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อกองทุนดังกล่าวยังต่ำ เนื่องจากได้รับผลกระทบมาตรการกันเงินสำรอง30%ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีข้อจำกัดที่จะนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน และใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทำให้มีเครื่องมือในการลงทุนที่ครบวงจร และจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ในประเทศต่างๆที่ผ่านมาและแนะนำกองทุนอีทีเอฟนักลงทุนต่างประเทศก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุน

สำหรับก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเข้าไปหารือกับทางธปท.หลายครั้งในเรื่องดังกล่าว และได้มีการอธิบายให้ทางธปท.ว่ากองทุนอีทีเอฟนั้นมีลักษณะการซื้อขายเหมือนหุ้นและในอนาคตมีแผนที่จะนำอีทีเอฟไปจดทะเบียนข้ามตลาดกัน ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าออกจึงควรที่จะเปิดเสรีเพื่อไม่ให้มีข้อติดขัดในการไหลเข้าออกของเม็ดเงิน

“การขายไอพีโอกองทุนอีทีเอฟคาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาซื้อจำนวนน้อยจากได้รับผลกระทบจากมาตรการ30% แต่ก็อาจจะมีนักลงทุนต่างประเทศที่มีเงินในประเทศไทยอยู่แล้วเข้ามาซื้อบ้าง โดยที่ทางธปท.ยังไม่ยกเลิก 30%ให้กับกองทุนอีทีเอฟ เนื่องจากกังวลว่าหากมีการยกเว้น แล้วทางกองทุนรวมต่างๆก็จะมีคำถามว่าเมื่อยกเลิกให้กับกองทุนอีทีเอฟแล้วทำไมไม่ยกเลิกให้กับกองทุน โดยเรื่องดังกล่าวตลท.ได้ทำการเข้าใจ ว่ากองทุนอีทีเอฟมีการเทรดเหมือนหุ้น ”นางภัทรียา กล่าว

นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการคำตอบจากธปท.ก่อนที่จะมีการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 6 กันยายนนี้ เพราะ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และเมื่อมีการออกสินค้าใหม่แล้วมีข้อจำกัด ในการลงทุนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯก็หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดี แต่หากทางธปท.ไม่ยกเว้นมาตรการ 30%ให้ ก็จะยังมีการนำกองทุนอีทีเอฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตามกำหนดเดิม

ทั้งนี้ จากการที่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการออกกองทุนอีทีเอฟ เพราะขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯไทยถือว่ามีพัฒนาการของการออกกองทุนอีทีเอฟล่าช้ากว่าต่างประเทศมาก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีการออกอีทีเอฟจำนวนมาก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ มาเลเซีย เพิ่งออกกองทุนอีทีเอฟใหม่ ส่วนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

นางสาวนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า ขณะนี้ยอดจองซื้อกองทุนอีทีเอฟเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นนักลงทุนในประเทศไทยทั้งหมดโดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบันประมาณ 90% และนักลงทุนรายย่อยประมาณ 10% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่เข้ามาซื้อกองทุนดังกล่าวเนื่องจากติดมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยส่วนตัวคาดว่าในเร็วๆธปท.จะมีการผ่อนเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าว แต่ถ้ายังไม่มีการผ่อนเกณฑ์ดังกล่าวเชื่อว่าวันที่กองทุนดังกล่าวจะเข้ามาซื้อขายอาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร

ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนบุคคลน่าจะเข้ามาซื้อขายมากขึ้น เพราะค่าธรรมเนียมในการซื้อขายค่อนข้างต่ำคอมมิสชั่นต่ำประกอบกับเสมือนเป็นการลงทุนในหุ้นจำนวน 50 ตัว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.