หุ้นซึมเมินวันเลือกตั้ง-โบรกฯเชื่อดัชนีทะลุ800จุด


ผู้จัดการรายวัน(28 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

นักลงทุนเมินสรุปวันเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้ วอลุ่มเทรดเพียง 1.1 หมื่นล้านบาท โบรกฯห่วงปัญหาตั้งพรรคการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ยังมั่นใจดัชนีทะลุ 800 จุดแน่ เผยสถิติก่อนการเลือกตั้งหุ้นขึ้นเฉลี่ย 6% แนะจับตาการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยของกนง. 29 ส.ค. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% ระบุหากลดกว่าที่คาดหนุนหุ้นแน่ ด้านศูนย์ระดมทุนเร่งเสนอแผนขยายฐานนักลงทุน - เพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (27 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบระดับใกล้ 800 จุดอีกครั้งก่อนจะมีแรงเทขายออกมา ขณะที่ในช่วงบ่ายแม้ว่าจะได้รับข่าวดีเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งที่ 23 ธ.ค. ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นแต่ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาเนื่องจากข่าวดังกล่าวไม่ได้เป็นข่าวใหม่ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวมาปิดที่ 791.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด หรือ 0.06% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 799.10 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 790.54 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 11,213.39 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 358 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 69.29 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 427.30 ล้านบาท

นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบที่ระดับ 820 จุด หากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนเหนือระดับ 784 จุดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดการเลือกตั้งที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ประกอบกับการการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นประเด็นที่เข้ามาสนับสนุน

ทั้งนี้ ก่อนการเลือกตั้งยังประเมินยากว่าดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ แต่ความชัดเจนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งน่าจะทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยที่ผ่านก่อนการเลือกตั้งดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 6%

สำหรับการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศนั้น คงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาหนี้อสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปัญหาดังกล่าวคงไม่ปานปลายจนถึงระดับวิกฤตการณ์จนถึงขั้นไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากที่ผ่านมาทางการณ์มีแนวทางที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะยังคงไม่จบในระยะสั้นนี้ก็ตามแต่ยังคงช่วยเข้ามาสนับสนุนด้านจิตวิทยาการลงทุน

ชี้ลดดอกเบี้ยไม่เกิน0.25%

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนยังไม่ได้กลับเข้ามาลงทุนในหุ้นมากนัก เนื่องจากยังคงรอดูสถานการณ์ หลังจากได้รับบทเรียนจากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งมูลค่าการซื้อขายต่อวันลดลงต่ำกว่า 16,000 ล้านบาทนั้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นนักลงทุนระยะสั้นในลักษณะเก็งกำไรรายวัน

"กระแสหุ้นในขณะนี้จะอิงกับกระแสของโลกมากกว่าปัจจัยภายใน ส่วนข่าวเกี่ยวกับปัจจัยเรื่องการเมืองภาคสังคม เช่นการเลือกตั้ง หรือการลงประชามตินั้น ผลดีจบลงไปตั้งแต่การลงประชามติแล้ว หลังจากนี้การเมืองไม่น่าจะส่งผลกับดัชนีอีกต่อไป โดยปัจจัยในประเทศหลังจากนี้ที่จะกระทบต่อตลาดหุ้นจะขึ้นอยู่กับนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ทางภาครัฐจะออกมามากกว่า"

ด้านการประชุมของคณะกรรมการกนง. ส่วนตนประเมินว่ามีโอกาสการที่จะพิจารณาลดดอกเบี้ยประมาณ 0.50 % เท่านั้นในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทางกนง.ใช้พิจารณาด้วย โดยประเมินว่าถ้ามีการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้จริง ก็ไม่น่าจะเกิน 0.25% ทั้งนี้มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมากนัก ในทางกลับกันจะยิ่งสร้างความวิตกของประชาชนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นมา เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดภูมิภาคที่ทยอยปรับตัวขึ้น และปัจจัยในประเทศเรื่องการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายต่อวันยังคงเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ยังคงชะลอการลงทุนและไม่เชื่อมั่นกับปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสยืนเหนือ 800 จุดได้ และคาดดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 780-800 จุด เนื่องจากมีประเด็นที่นักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรเรื่องของ กนง.จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าการพิจารณารอบนี้ น่าจะปรับลดลงอีกประมาณ 0.25% ขณะที่ตลาดภูมิภาคน่าจะเริ่มฟื้นตัว หากไม่มีปัญหาเรื่องซับไพร์มเกิดขึ้นอีก

จับตาปัญหาตั้งพรรค

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามต่อก่อนที่จะมีการกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.นี้คือการจัดตั้งพรรคการเมืองว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ในส่วนตัวมองว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นยังไม่มีความชัดเจน และอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าดัชนียังมีโอกาที่จะปรับตัวผันผวนต่อไปได้ เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นยังคงติดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องซับไพร์มของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ว่าปัญหาดังกล่าวจะสิ้นสุดเมื่อใด ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าหากกนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% นั้นคงไม่มีนัยสำคัญกับตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่หากกนง.ปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์เชื่อว่าจะส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยประเมินแนวรับที่ 780 จุด และแนวต้านที่ 795 จุด

ศูนย์ระดมทุนเร่งเสนอแผน

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หัวหน้าศูนย์ระดมทุน กล่าวว่า วานนี้(27 ส.ค.) ศูนย์ระดมทุนพร้อมด้วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ได้เสนอแผนงานในการขยายฐานนักลงทุน พร้อมการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้นายกปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับทราบ เพื่อให้สนับสนุนในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ประเด็นในแผนงานที่ได้มีการเสนอ คือการขอให้มีการเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการดึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มจำนวนสินค้าให้กับนักลงทุน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.