|
“แอลจี”ประกาศจัดทัพใหม่รับมือตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแข่งดุ
ผู้จัดการรายวัน(24 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
แอลจี จัดทัพใหม่ หลังผู้นำเปลี่ยนตัว งัดกลยุทธ์ “Customer Insight” หวังมัดใจผู้บริโภคเป็นหัวใจใหม่ของการดำเนินธุรกิจ แอลจีไทย สนองนโยบายแม่ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เดินหมากผุดรีจีนอลสาขา ระดับภูมิภาค หวังทำตลาดแบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น สกัดเม็ดเงินทำตลาดแบบหว่านแหอย่างที่ผ่านมา มั่นใจในอีก 3-5 ปีทุกสินค้าผงาดสู่ความเป็นผู้นำทุกตัว หลังครึ่งปีที่ผ่านมากวาดรายได้รวมเติบโตขึ้น 30 % มั่นใจสิ้นปียอดทะลุ 33,000 ล้านบาทแน่นอน
นาย ซอง นัก กิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทแม่ มีการเปลี่ยนผู้นำใหม่เป็น นาย Yong Nam ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจของแอลจีทั่วโลกใหม่ โดยจะเน้นรูปแบบการทำตลาดที่ต้องเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเป็นหลัก หรือ “Customer Insight” ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำกิจกรรมทางการตลาดส่งเสริมการขายต่างๆ โดยแต่ละประเทศ จะนำเอากลยุทธ์นี้ไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
โดยในประเทศไทยเอง ได้นำเอา “Net Promoter Score” ซึ่งการทำ NPS จะทำให้ผลสำรวจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ “Moment of Truth” การให้ความสำคัญช่วงเวลาที่ลูกค้าได้สัมผัสสินค้า ซึ่งจะนำไปสู่ความพอใจและเลือกซื้อสินค้าในแบรนด์แอลจี รวมไปถึงกลยุทธ์ Segmentation Targeting and Positioning (STP) การพัฒนาสินค้าให้มีฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ดำเนินการก่อตั้งสาขาระดับภูมิภาค เรียกว่า รีจีนอลสาขา ไปแล้ว 3 สาขา ได้แก่ หาดใหญ่ เชียงใหม่ และนครราชสีมา จากทั้งหมดที่คาดว่าจะเปิดให้ได้ 5 สาขาในปีนี้ โดยอีก 2 สาขาที่จะเปิดคือ ภูเก็ต อีกที่หนึ่งกำลังพิจารณาอยู่อาจจะเป็นอีสานตอนบน หรือภาคเหนือตอนใต้ ซึ่งนโยบายการเปิดรีจีนอลสาขานี้ เพื่อต้องการให้สามารถติดต่อกับทางตัวแทนจำหน่ายกว่า 700 สาขาทั่วประเทศได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงมั่นใจว่าหลังจากที่นำเอานโยบาย Customer Insight เข้ามาใช้ ครั้งนี้ ไม่เกิน 3-5ปี ทุกสินค้าของแอลจีจะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำของตลาดต่อไป
“สำหรับรีจีนอลสาขานี้ เป็นแผนการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2549 ที่ผ่านมา โดยสาขาแรก คือ หาดใหญ่ เปิดให้ทำการตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 โดยมีผู้จัดการสาขาเป็นคนดูแลทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการต่างๆ รวมถึงการทำการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตนเองรับผิดชอบ โดยตลอด 6 เดือนที่ผ่านมานี้ สาขาหาดใหญ่และนครราชสีมา เห็นได้ชัดถึงประสิทธิภาพในการทำงานว่าดีขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการในครึ่งปีแรกนี้ เติบโตขึ้นกว่า 30 % อีกทั้งยังทำให้ผลิตภัณฑ์พลาสม่า ทีวี ก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้อีก 1 ผลิตภัณฑ์”
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายรีจีนอลสาขา ในปีแรก คงยังไม่สามารถมองเห็นภาพชัดเจนในแง่ของงบการตลาดว่าจะส่งผลให้มีการใช้น้อยลงหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้นก็ตาม แต่มั่นใจว่า งบการตลาดของปีนี้กว่า 800 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ให้เกิดผลและมีประสิทธิภาพมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ที่มีลักษณะการทำตลาดแบบหว่านแห ซึ่งในปีต่อๆไป น่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนว่าจะมีการใช้งบการตลาดลดลงไปได้มากแค่ไหน
ส่วนงบการตลาด 800 ล้านบาทที่วางไว้ในปีนี้ ครึ่งปีที่ผ่านมาใช้ไปแล้ว 40% โดยยังเหลืออีกประมาณ 480 ล้านบาท ที่จะใช้ในช่วง 5 เดือนสุดท้ายนี้ โดยแบ่งเป็น อะโบพ เดอะ ไลน์ 40% และ บิโลว์ เดอะไลน์ อีก 60% เพราะเชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้น รวมถึงบริษัทฯยังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอีกหลายหมวดสินค้าอีกด้วย เช่น กลุ่มภาพและเสียง จะมีการเปิดตัว แอลจีไทม์ แมทชีน II และ แอลจี เพิร์ล แบล็ก
ด้านกลุ่มเครื่องใช้ภายในบ้าน จะเปิดตัว ตู้เย็นไซด์ บาย ไซด์ และเครื่องซักผ้า แอลจี สตรีม ไดเร็ค ไดร์ฟ ส่วนเครื่องปรับอากาศจะโฟกัสตลาดระดับบน โดยจะมีการเปิดตัว แอลจี อาร์ต คูล รุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ไมโครเวฟ ที่เป็นอันดับหนึ่งในตลาด จะเน้นระดับบนเช่นเดียวกัน กับ แอลจี โซล่าโดม รวมถึงเครื่องดูดฝุ่น จะเปิดตัวรุ่นใหม่ คือ แอลจี คอมเพรสเซอร์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโทรศัพท์มือถือและสินค้าไอทีก็จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของแอลจีที่ขึ้นเป็นผู้นำในตลาด ได้แก่ เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ, พลาสม่า ทีวี และ เครื่องดูดฝุ่น ขณะที่สินค้าที่อยู่ในอันดับสอง และทางแอลจีกำลังพยายามทำการตลาดเพื่อให้ขึ้นสู่อันดับหนึ่งในปีหน้าให้ได้ คือ เครื่องปรับอากาศ มีแชร์ 17% ห่างจากมิตซูบิชิที่เป็นผู้นำและมีแชร์กว่า 23% ต่อมา คือ กลุ่มโทรทัศน์ มีแชร์ 18% โดยซัมซุงเป็นเจ้าตลาดด้วยแชร์ 20%
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้ คาดว่าน่าจะโตเพียง 2-3% ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้น ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของแอลจีนับจากนี้ไป ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการทำงานของรีจีนอลสาขา มั่นใจว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีการเติบโตมากว่า 30 % ของครึ่งปีแรก หรือทั้งปีมั่นใจว่าจะต้องมีรายได้รวมกว่า33,000 ล้านบาท มาจากการส่งออก 60% และในประเทศ 40%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|