ตลาดวูบ8พันล.ชี้จยย.อีก3ปีฟื้น


ผู้จัดการรายวัน(23 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ค่าย “ยามาฮ่า” ฟันธง! ตลาดรถจักรยานยนต์วูบยาว คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงจะฟื้นตัวเลขยอดขายใกล้เคียงจุดสูงสุด 2 ล้านคัน หลังจากยอดขายปีนี้ร่วงหนัก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 คาดหดเหลือ 1.6 ล้านคัน หายไปกว่า 2 แสนคัน หรือมูลค่า 8 พันล้านบาท จากพิษการเมือง-เศรษฐกิจผันผวน เผยช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือ เตรียมทุ่มไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หวังประคองยอดตามเป้า 4 แสนคัน

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ตกต่ำมาก โดยเริ่มมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และถึงแม้บริษัทผู้ประกอบการจะพยายามกระตุ้นการขายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถรักษาผลักดันได้สำเร็จ เหตุนี้ภาพรวมยอดขาย 7 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) จึงตกลงจากปีที่แล้วของช่วงเดียวกันถึง 16.2%

“นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถือว่าปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์วิกฤตมากที่สุด ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดรถจักรยานยนต์จะเหลือเพียง 1.6 ล้านคัน เทียบกับปีที่แล้วยอดขายหายไปประมาณ 2 แสนคัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท”

ส่วนสาเหตุมาจากความผันผวนทางการเมือง และเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น จึงได้ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ลดลงเหลือเพียง 73% นับว่าเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก เพราะตัวเลขที่บ่งบอกสภาวะความเชื่อมั่นได้ดี จะต้องมีตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นไม่ต่ำกว่า 100% อย่างเช่นช่วงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเติบโตเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมา ดัชนีความเชื่อมั่นไทยอยู่ระดับที่ 120%

อีกปัจจัยมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้ปัจจุบันจะมีการผลักดันกลยุทธ์ต่างๆไม่ว่ราคารถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น หรืออัตราการดาวน์ต่ำมาก แต่เนื่องจากรายได้ของประชาชนลดลง ทำให้ไฟแนนซ์มีความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

ทั้งนี้สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยที่เกิดขึ้น หากเทียบกับวิกฤติปี 2540 มีความแตกต่างกัน เพราะเกิดจากปัญหาภายในของไทยประเทศเดียว เพราะตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนล้วนเติบโตหมด อาทิ ประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ถึง 25% และมีขนาดใหญ่กว่าไทยไปแล้วที่ประมาณ 2.5 ล้านคัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว ปีนี้มีอัตราการเติบโตมากถึง 30%

“แน่นอนไทยคงไม่เติบโตเท่ากับเวียดนาม หรืออินโดนีเซีย เพราะตลาดค่อนข้างใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้วที่ประมาณกว่า 2 ล้านคัน และเคยทำได้ใกล้เคียงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คาดว่าไทยจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยถึงจะกลับไปสู่จุดเกือบ 2 ล้านคัน”

ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปีนี้ยังไม่มีการฟื้นตัวแน่นอน คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนคัน แต่เมื่อมีการเลือกตั้งช่วงก่อนสิ้นปีและมีรัฐบาลใหม่ในปีหน้า การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทย น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.7 แสนคัน และค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นในปีต่อไป

นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของยามาฮ่าช่วงเวลาที่เหลือจะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำตลาด และกิจกรรมในพื้นที่ของตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น รวมถึงออกไปหาลูกค้าโดยตรง เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อเนื่องด้วย

“ยามาฮ่าจะเน้นการทำเซลส์แคมเปญมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเงินให้ผู้จำหน่ายทำกิจกรรมในพื้นที่ และในช่วง 4 เดือนที่เหลือนี้ เราจะมีแคมเปญใหญ่ออกมา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้งจะใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดเกือบ 2 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะผลักดันให้ยามาฮ่ารักษายอดขายตามเป้าที่ 4 แสนคัน จากปีที่แล้วทำได้ 4.65 แสนคัน ”

สิ้นเดือนนี้จะแนะนำยามาฮ่า ฟีโน ใหม่ พร้อมสปอตโฆษณาใหม่ และปลายปีนี้จะมีการการแนะนำรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์สู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวประมาณ 5-6 รุ่น มีราคาตั้งแต่ 4-8 แสนบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.