|

ฝรั่งทิ้งไม่หยุดหุ้นรูด28จุดห่วงเลื่อนเลือกตั้งผสม"ซับไพรม์"ยังไม่ยุติ
ผู้จัดการรายวัน(22 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (21 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากแรงเทขายของนักลงทุนหลังมีข่าวลือสะพัดในห้องข่าวเกี่ยวกับกระแสการทำ "รัฐประหารซ้ำ" ภายหลังจากที่ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.อ. สนธิ บุญรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบกออกมาระบุว่าอาจจะต้องมีการเลือกตั้งออกไปเพราะคาดว่าจะมีเรื่องใหญ่กว่านั้นเกิดขึ้น ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 764.40 จุด ลดลง 27.62 จุด หรือ 3.49% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 797.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,489.69 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 209.85 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 220.87 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 11.01 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แย่มากกับกระแสข่าวลือที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นค่อนข้างรุนแรงเมื่อวานนี้ เพราะตลาดหุ้นไทยเพิ่งได้รับปัจจัยบวกเข้ามาทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีมากขึ้น แต่กระแสข่าวเรื่องการรัฐประหารซ้ำที่เกิดขึ้นในห้องค้าเมื่อวานนี้เหมือนระเบิดที่เข้ามาถล่มตลาดหุ้นอีกระลอก
ทั้งนี้ เชื่อว่าความตื่นตระหนกของนักลงทุนยังจะเกิดขึ้นอีกระยะ แม้ว่ากระแสข่าวดังกล่าวจะมีออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่การที่ข่าวลือมาเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุนค่อนข้างนาน โดยหากจะเรียกความเชื่อของนักลงทุนกลับมา การแสดงความชัดเจนในคำพูดของประธานคมช.เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่า ที่อาจจะทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปคืออะไรน่าจะเป็นเรื่องที่จะบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
"ถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆๆ ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วงที่ดีทั้งข่าวดีในเรื่องประเทศข่าวดีนอกประเทศ แต่กลับต้องมาเจอข่าวลือที่เข้ามากระทบต่อความมั่นใจ ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการรักษาความรู้สึกของนักลงทุนให้กลับมามั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมอีกครั้ง"แหล่งข่าวกล่าว
รอเงินนอกเข้าหนุนหุ้นไทย
นางมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.แอ็คคินซัน กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพรม์ เนื่องจากมีข่าวว่าบริษัทในสหรัฐอเมริกาและในทวีปยุโรปกำลังประสบปัญหาจากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับยังไม่สามารถประเมินได้ว่าปัญหาซับไพรม์ลุกลามไปถึงขนาดไหน โดยสาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมามากกว่าตลาดอื่นนั้น เป็นผลมาจากการที่วานก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ถ้าประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย ตามปัจจัยพื้นฐานจริงๆ แล้วน่าจะมีระดับดัชนีที่ประมาณช่วงปลาย 700 จุดไม่เกิน 800 จุด ส่วนโอกาสที่ดัชนีจะกลับขึ้นไประดับสูงอีกครั้งนั้นค่อนข้างจะยาก เพราะการที่ดัชนีจะกลับขึ้นไปเป็นขาขึ้นอีกครั้ง จำเป็นต้องอาศัยการไหลเข้าของเงินต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันจากปัญหาซับไพรม์ทำให้เงินที่จะไหลเข้าหายไปเกือบหมด อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาซับไพรม์จะหมดไป ก็ยังมีปัจจัยกดดันจากในประเทศไทยอยู่
นางสาวมยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า หุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากการขายเพื่อปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ คาดว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศนั้น ยังคงต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้การที่ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 890 จุด ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีใครประเมินได้อย่างแน่ชัดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาซับไพรม์กับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จะมากน้อยเพียงใด
"ส่วนข่าวลือเรื่องการเลือกตั้งที่อาจจะเลื่อนออกไปนั้น ถ้าตราบใดยังมีความแน่ชัดว่าจะมีการเลือกตั้ง และการเลื่อนออกไปอยู่ในระยะเวลาที่ประชาชนรับได้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัจจับลบที่กดดันตลาดหุ้นมากนัก "
ทั้งนี้ ในระยะสั้น ดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจากการแก้ไขปัญหาซับไพรม์ โดยให้แนวรับที่ 755 จุด และแนวต้านที่ 775 จุด
ชี้ซับไพรม์กระทบถึงไตรมาส 3
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนไม่แน่ใจว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตลาดซับไพรม์ในสหรัฐฯ ได้สะท้อนเข้ามาในตลาดหุ้นทั้งหมดแล้วหรือยัง โดยหากดูการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงไปจุดต่ำสุดหรือยัง จึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจตามมา
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าผลกระทบจากเรื่องปัญหาซับไพรม์น่าจะส่งผลกระทบที่ชัดเจนออกมากับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 เพราะฉะนั้นใน 2 เดือนหลังจากนี้ตลาดหุ้นน่าจะได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาต่อไป
ห่วงกระทบหุ้นถึงปีหน้า
ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาการปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์ด้วยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เป็นตัวบั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งหากสถานการณ์บานปลายจนเกิดควบคุมอาจกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยไปจนถึงปีหน้า
ในส่วนของปัจจัยทางการเมือง แม้ว่าจะมีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับปัญหาการเมืองของไทยยังไม่จบ เนื่องจากการเมืองไทยที่จะเกิดขึ้นจะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม หรือมีการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจน
ตลาดหุ้นโลกทิศทางสับสน
ทางด้านภาวะตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกอยู่ในสภาพสับสนไร้ทิศทางชัดเจน โดยที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างเตือนให้ระวังราคาหุ้นยังจะเหวี่ยงตัวหวือหวาไปอีกพักใหญ่ สืบเนื่องจากยังคงมีความวิตกในเรื่องภาวะสินเชื่อตึงตัว และพิษที่ยังแผ่ลามของวิกฤตซับไพรม์
ในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์(20) นักวิเคราะห์บอกว่ามีการช่วงชิงต่อสู้กันตลอด ระหว่างหุ้นบลูชิป กับ ทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยมากกว่า อย่างเช่น ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯอายุ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ในชั่วโมงท้ายๆ ของการซื้อขาย หุ้นบลูชิปสามารถกระเตื้องขึ้น และดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ซึ่งเป็นมาตรวัดหุ้นกลุ่มนี้ ปิดสูงขึ้น 42.27 จุด หรือ 0.32% แต่กระนั้น ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่เป็นมาตรวัดราคาหุ้นวงกว้างกว่า ยังคงติดลบ 0.03%
ระหว่างวันจันทร์ ยังเต็มไปด้วยข่าวร้ายเกี่ยวกับบริษัทที่ปล่อยกู้สินเชื่อเคหะของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า แคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล คอร์ป กิจการธนาคารซึ่งเลื่องชื่อเรื่องออกบัตรเครดิตเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ต้องประกาศปิด กรีนพอยต์ มอร์เกจ กิจการปล่อยสินเชื่อเคหะซึ่งตนเองเพิ่งซื้อมาในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยราคา 13,200 ล้านดอลลาร์
ธอร์นเบิร์ก มอร์เกจ อิงก์ บริษัทให้กู้สินเชื่อเคหะอีกรายหนึ่ง แจ้งว่า ต้องนำเอาทรัพย์สินอันเกี่ยวข้องกับสินเชื่อเคหะเป็นมูลค่า 20,500 ล้านดอลลาร์ออกมาขาย ตลอดจนลดการขอกู้หนี้ระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง โดยที่ทรัพย์สินที่ปล่อยขายนี้คิดเป็นกว่า 35% ของทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัททีเดียว
ลูมิเมนต์ มอร์เกจ แคปิตอล อิงก์ ก็ประกาศขายหุ้นตัวเองจำนวน 51% ด้วยราคาลดฮวบฮาบ ให้แก่ อาร์โก แคปิตอล คอร์ป เพื่อให้ฐานะทางการเงินของตนเองดีขึ้น
ทางด้านตลาดแถบเอเชียวานนี้ แม้ตอนต้นๆ หลายตลาดทำท่าจะไปได้สวยสดต่อเนื่องจากวันจันทร์ แต่แล้วก็กลับถอยลงมา จนบางแห่งเข้าสู่แดนลบด้วย
โดยที่ตลาดโตเกียวบวกขึ้นมา 1.07%, ฮ่องกงเพิ่ม 0.62%, โซลขยับขึ้น 0.3%, มีเพียงมะนิลาซึ่งทะยานแรงถึง 9.8% ส่วนหนึ่งเนื่องจากวันจันทร์ที่ใครๆ พุ่งพรวดนั้น เป็นวันหยุดปิดทำการในฟิลิปปินส์
แต่สำหรับสิงคโปร์ทรุดลงมา 2.82%, กัวลาลัมเปอร์ลบ 1.0%, ไทเปหด 0.43%, จาการ์ตาหาย 2.4%, มุมไบหล่น 3.04%
สำหรับตลาดยุโรปวานนี้ในช่วงเปิดตลาดขยับขึ้น แต่ถึงราวเที่ยงวัน ลอนดอนตกลงมา 0.66%, แฟรงเฟิร์ตก็ลบ 0.52% แต่ปารีสยังบวก 0.03%
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|