|
อายิฯพลาดเป้า7เดือนโต10%ปรับทีมขายเบอร์ดี้รับศึกหนัก
ผู้จัดการรายวัน(16 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
อายิฯ เร่งขยายโปรดักส์ไลน์กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ ปิดทางคู่แข่งรายเก่า-รายใหม่อย่างคิรินยักษ์แดนปลาดิบชิงชิ้นเค้ก 8.9 พันล้านบาท อัดฉีด 50 ล้านบาท ปั้นเบอร์ดี้ ริช แอนด์ สมูท รสชาตินุ่ม กลมกล่อม ขยายฐานคอกาแฟรสนุ่ม พร้อมปรับหน่วยขาย 400 ทีม ทะลวงร้านค้า สิ้นปีหวังเบอร์ดี้โต 7% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดครองแชร์ 70% และเป็นสินค้าเรือธงดันรายได้รวมโต 10% กวาด 2 หมื่นล้านบาท หลัง 7 เดือนพลาดเป้าโตแค่ 10%
นายพิเชียร คูสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มเบอร์ดี้ เปิดเผยว่า แผนการตลาดเบอร์ดี้ต้องการขยายสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ ริช แอนด์ สมูท หรือเบอร์ดี้แถบเขียว รสชาตินุ่ม กลมกล่อมของกาแฟนม เพื่อขยายฐานลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรสนุ่ม เนื่องจากฐานลูกค้าของเบอร์ดี้หลักมาจากกาแฟโรบัสต้าหรือรสเข้มข้น 80% ในขณะที่กาแฟรสนุ่ม
“ก่อนหน้านี้บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้าใหม่มิ้ลค์กี้มียอดขายคิดเป็น 10% ของรายได้รวม และก็ยังไม่สามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวได้ โดยพบว่าปัจจุบันคอกาแฟดื่มกาแฟรสนุ่มคิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มรสเข้มข้นคิดเป็น 70%”
สำหรับงบการตลาดเบอร์ดี้ ริช แอนด์ สมูท บริษัทฯวางไว้ที่ 50 ล้านบาท จากงบรวมกลุ่มกาแฟเบอร์ดี้ 500 ล้านบาท นำร่องด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง โดยเรื่องแรก”Color Bar”เน้นในเรื่องของจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีแถบเขียว เพื่อสร้างการจดจำ ส่วนเรื่องที่สอง”The Way” เน้นการสื่อสารถึงรสชาตินุ่ม กลมกล่อม พร้อมกับตอกย้ำแนวคิดของ “โก ฟอร์ เวย์” (Go for Way) พาใจไปสู่ฝัน รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ การชงชิม เพื่อใหม่กลุ่มเป้าหมายทดลองชิม
แนวโน้มตลาดกาแฟกระป๋องมูลค่า 8,900 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% ทั้งนี้จากสภาพตลาดที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีคู่แข่งหน้าใหม่หลายรายสนใจที่จะเข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น คิริน ผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งเครื่องดื่มชาเขียว น้ำผลไม้ และกาแฟพร้อมดื่ม สำหรับตลาดกาแฟกระป๋องในประเทศไทย ยังมีช่องทางการตลาดอีกมาก ส่วนตลาดกาแฟพรีเมียมยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยังไม่ได้ โดยคำนึงถึงราคาเป็นปัจจัยหลัก แต่ในฐานะที่เบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาดจะต้องเป็นผู้สร้างเซกเมนต์และขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค
นายพิเชียร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้บริษัทฯต้องปรับทีมขายสินค้าโดยรวมราว 400 ทีมใหม่ โดยเน้นการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น อย่างน้อยต้องมากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน ขณะเดียวกันท่ามกลางตัวแปรมากมาย บริษัทฯจึงต้องปรับเปลี่ยนแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาด ทั้งนี้เพื่อรักษาช่องทางจำหน่ายโดยเฉพาะตู้แช่และร้านโชวห่วย เนื่องจากเจ้าของจะเลือกสินค้ามาวางในตู้อย่างมากสุด 3-4 แบรนด์ และน้อยที่สุดคือ 2 แบรนด์ เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันโชวห่วยและตู้แช่คิดเป็นสัดส่วน 60% ส่วนร้านค้าสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรดคิดเป็น 40%
สำหรับการเปิดตัวเบอร์ดี้ ริช แอนด์ สมูท ในปีแรกคาดว่าจะมียอดขายโดยรวม 6% และผลักดันให้แบรนด์เบอร์ดี้มีอัตราการเติบโต 7% รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่ง 70% จากมูลค่าตลาด 8,900 ล้านบาท สำหรับทรีอินวันในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 50% หรือมีส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโต 20%
ผลประกอบการในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% โดยมีอัตราการเติบโตเพียง 10% ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง อย่างไรก็ตามในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือมีรายได้ 20,000 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากสินค้าหลักที่สร้างรายได้ มากกว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ อาทิ กลุ่มกาแฟเบอร์ดี้ซึ่งในแบรนด์หลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของยอดขายรวมปีนี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|