ชิบูย่าออกรบสมรภูมิอาหารญี่ปุ่น พร้อมขายแฟรนไชส์แบบคีออส


ผู้จัดการรายวัน(15 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เทรนด์กระแสอาหารญี่ปุ่นยังไปได้สวย "ชิบูย่า" น้องใหม่แบรนด์ไทย ขอกระโดดร่วมวง สู้ศึกร้านอาหารญี่ปุ่นอีกราย ชูการทำเส้นสด เป็นจุดขาย ทุ่มทุนกว่า 15 ล้านบาท ผุดสาขาอย่างน้อย 5 สาขาในปีนี้ ล่าสุดเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา ลูกค้าให้การตอบรับสูงเกินคาด ก้าวต่อไปเตรียมเปิดสาขาที่ 3 ที่ ซีคอนสแควร์ พร้อมสยายปีกลุยธุรกิจแฟรนไชส์ ในรูปแบบคีออส มั่นใจสิ้นปีขายแฟรนไชส์ได้ 20 หน่วย พร้อมรายได้รวมเข้ากระเป๋าในปีนี้แรกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

นางสาวปริชาติ อัศวเศรณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิบูย่า ฟู้ด จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแบบจานเดียว ภายใต้แบรนด์ "ชิบูย่า" เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า กระแสการรับประทานอาหารญี่ปุ่นไทยกำลังเป็นที่นิยมจากเดิมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นอยู่ไม่กี่ราย แต่กลับมีกาแข่งขันค่อนข้างสูง และแต่ละรายมีความแตกต่างกันไป จึงเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ว่ายังมีที่ว่างพอให้เข้ามาทำตลาดได้ แต่ต้องมีความแตกต่างที่โดดเด่น

ดังนั้นการที่บริษัทฯตัดสินใจดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหารญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ชิบูย่า “Shibuya” ซึ่งบริษัทฯเลือกที่จะมุ่งไปยังกลุ่มอาหารญี่ปุ่นประเภทจานเดียวเป็นหลัก อย่างราเม็ง โดยนำเอาจุดเด่นในเรื่องของการทำเส้นสดวันต่อวัน มาทำให้ลูกค้าได้เห็น อีกทั้งยังมีเส้นให้เลือกอย่างหลากหลาย ได้แก่ เส้น Udon, Soba, Ramen, Inaniwa และ Somen พร้อมเมนูอาหารรวมกว่า 50 เมนู ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 59-119 บาท ต่อเมนู โดยมีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อายุ 18-35 ปี รวมถึงกลุ่มครอบครัว

“การที่บริษัทฯเลือกที่ทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ที่อยู่ในรูปแบบอาหารจานเดียวนั้น เนื่องจากในตลาดมีคู่แข่งและเจ้าตลาดเพียงไม่กี่ราย คือ โออิชิ, ราเม็ง และฮาจิบัง ตามลำดับ จึงมองเห็นโอกาสว่าจะสามารถทำตลาดในส่วนนี้ได้ ขณะเดียวกันการที่สามารถทำเส้นสดวันต่อวัน เนื่องจากได้บริษัท เนเจอร์ เบส ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ช่วยซัพพรอตวัตถุดิบให้ โดยเป็นวัตถุดิบนำเข้า 70% และในประเทศอีก 30% จึงสามารถนำเรื่องการทำเส้นสดวันต่อวัน มาเป็นจุดขายได้”

ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าเปิดให้บริการในรูปแบบร้านอาหารทั้งหมด 5 สาขาในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณแต่ละสาขาที่3ล้านบาท หรือคิดเป็นเม็ดเงินรวมกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 5 สาขานี้ จะเปิดในห้างสรรพสินค้าทั้งหมด และจะทำให้ทั้ง 5 สาขานี้เป็นร้านต้นแบบที่ได้มาตรฐาน หากในอนาคตบริษัทฯจะทำการขยายสาขาโดยการขายแฟรนไชส์ต่อไป

นางสาวอวิกา บุญกมลสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชิบูย่า ฟู้ด จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดให้บริการไปแล้ว 2สาขา คือ เอสพลานาด ส่วนสาขาที่สอง เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ทั้งสองสาขา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะสาขาแรกที่เอสพลานาด เฉลี่ยรายได้ต่อวันที่ 30,000บาท หรือกว่า 1.5 ล้านบาทต่อเดือน

ส่วนสาขาที่3 กำลังจะเปิดให้บริการที่ซีคอนสแควร์ ขณะที่อีก 2 สาขา ที่เหลือ กำลังหาทำเลอยู่ ซึ่งได้มีการเจรจากับทางเครือเดอะมอลล์ กรุ้ป และทางเมเจอร์ ซึ่งยังไม่ได้สรุปออกมาว่าจะเปิดที่ใด แต่มองว่าจะต้องเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง อย่าง สยามพารากอน เป็นต้น เพราะมีสาขาที่อยู่ชานเมืองแล้ว

นางสาวอวิกา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหลังจากเริ่มเปิดให้บริการ ยอมรับว่ายังไม่ได้ใช้เม็ดเงินไปกับการทำตลาดแต่อย่างไร แต่ส่วนใหญ่จะใช้ความสนิทส่วนตัวในการทำตลาดมากกว่า ในการให้ข้อมูลข่าวสาร พร้อมคำสัมภาษณ์ ไปยังหนังสือและนิตยสารต่างๆ ในการช่วยสร้างแบรนด์ร้านชิบูย่า ซึ่งถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะทำการเปิดแกรนท์โอเพ่นนิ่ง ร้าน ชิบูย่า ในวันที่ 10 ก.ย. ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าได้รู้จักแบรนด์ ชิบูย่ามากยิ่งขึ้น

เดินหน้าลุยขายแฟรนไชส์รูปแบบคีออส

นางสาวปริชาติ กล่าวว่า หลังเปิดให้บริการร้านอาหารญี่ปุ่น ชิบูย่า พบว่า มีลูกค้าให้ความสนใจในการที่จะซื้อแฟรนไชส์ เพื่อไปธุรกิจต่อเป็นจำนวนมาก แต่ทางบริษัทฯมองว่า ต้องการให้รูปแบบร้านในระยะแรก เป็นการลงทุนโดยบริษัทฯเองก่อน แต่ก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตทางช่องทางการขายแฟรนไชส์ จึงได้มีแผนธุรกิจขายแฟรนไชส์ในรูปแบบคีออสขึ้นมาอีกส่วนหนึ่งด้วย

โดยได้เตรียมเข้าร่วมงานโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์ ครั้งที่ 11 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคมที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจซื้อแฟรนไชส์ประมาณ 10-15 ราย หรือคิดเป็นจำนวนคีออสที่ 20 หน่วย เน้นเป็นคีออสที่ขายในกรุงเทพฯเป็นหลัก โดยคิดค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ประมาณ 1แสนบาท

“จากการเปิดให้บริการในสาขาแรก ที่ประสบความสำเร็จเกินขาด จนทำให้บริษัทฯเพิ่มการลงทุนขยายสาขา และการขายแฟรนไชส์อีกช่องทางหนึ่ง เชื่อว่าอย่างน้อยรายได้รวมในปีแรกนี้น่าจะสามารถทำได้ถึง 50 ล้านบาทแน่นอน” นางสาวปริชาติ กล่าวในที่สุด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.