|
สามบิ๊กอสังหาฯพยุงกำไรครึ่งปีหลังต้นทุนสูงขายเพิ่มขึ้น
ผู้จัดการรายวัน(15 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2550 ว่า ในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 4,908.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 49 ที่ 4,446.96 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ รายได้จากการขายอยู่ที่ 4,654.8 ล้านบาท เทียบกับ 4,301.5 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปี 49 ขณะที่ในไตรมาสนี้ บริษัทามีรายได้จากค่าเช่าประมาณ 7.2 แสนบาท กำไรจากการขายเงินลงทุน 2.08 แสนบาท และได้รับเงินปันผลเพิ่มเป็น 72.78 ล้านบาท จาก45.57 ล้านบาทเทียบช่วงเดียวกันปี 49 ในส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 3,879.8 ล้านบาท (เทียบ 3,525.02 ล้านบาท) ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงมาเหลือ 699.93 ล้านบาท เทียบกับเฉพาะไตรมาส 2 ปี 49 ที่ 725.94 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณางวดครึ่งแรกของปี 50 พบว่า แม้รายได้จากการขายจะขยับมาอยู่ที่ 8,562.61 ล้านบาท จาก 8,270.84 ล้านบาท และรวมรายได้ตลอดครึ่งปีที่ 8,999.88 ล้านบาท เทียบกับ 8,628.42 ล้านบาท แต่ปรากฎว่า ต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพิ่มจาก 6,695.01 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 49 มาอยู่ที่ 7,228.97 ล้านบาทในครึ่งปีแรก
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในงวดครึ่งปีแรก บริษัทมียอดขาย 12,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรในครึ่งปีแรกมีจำนวน 87.28 ล้านบาท ลดลง 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 235.9 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2550 ปรับลดลงประมาณ 55% โดยมีกำไรสุทธิ 45.7 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไร 101 ล้านบาท
สำหรับ รายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5% เป็น 2,921 ล้านบาท แต่รายจ่ายรวมโตขึ้น 7% เป็น 2,776 ล้านบาท เป็นผลให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีลดลงประมาณ 24% สำหรับรายได้ในส่วนของการขายโครงการเพิ่มขึ้น 3% เป็น 2,707 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,942 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรเบื้องต้นของรายได้ลดลงจาก 29% ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 28%
โดยนายเศรษฐา ให้เหตุผลว่า กำไรที่ลดลงดังกล่าว เป็นผลจากการขยายฐานโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร และการลงทุนทางด้านการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้ติดตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่รองรับการขยายฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใน 3 ปีข้างหน้า
PF รับผลยอดขายคอนโดฯหนุนกำไร
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า สำหรับไตรมาสที่ 2 บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิ19.8 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 58.4 ล้านบาท สาเหตุเนื่องจาก ในไตรมาสนี้ รายได้จาการขายบ้านพร้อมที่ดินและอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1,422.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 521.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับจำนวน 901.1 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2549 ยอดรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอาคารชุดที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2550 โดยในไตรมาสนี้มีจำนวน 344.2 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนขายบ้านพร้อมที่ดินและอาคารชุดพักอาศัย เพิ่มขึ้นจำนวน 388.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63 % เมื่อเทียบกับจำนวน 616.2 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2549 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขกำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ จะเพิ่มขึ้นจำนวน 133.1 ล้านบาท หรือมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 29.39 % แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ 31.62% ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 เนื่องจากต้นทุนขายที่สูงขึ้น
ในส่วนของงวดครึ่งปีแรก ตัวเลขรายได้จากการขายบ้านและที่ดิน 1,898.56 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 49 ที่ 2,016.86 ล้านบาท แต่ในงวดครึ่งปีมีรายได้จากการขายห้องชุดพักอาศัยเสริมเข้ามาถึง 489.53 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดินอีก 10 ล้านบาท รวมมีรายได้ 2,436.44 ล้านบาท เทียบกับ 2,040.51 ล้านบาทในงวดครึ่งปีแรก 49 ทำให้มีกำไรสุทธิครึ่งปีเท่ากับ 25.74 ล้านบาทจากเดิมที่มีผลขาดทุนสุทธิถึง 28.26 ล้านบาท
เค.ซีรายได้วูบ40%โบ้ยการเมืองทำป่วน
นายสมชัย วนาวิทย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาส 2 /2550 ว่า บริษัทมีรายได้สุทธิจำนวน 151.46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2549 ที่มีรายได้สุทธิ 250.62 ล้านบาท รายได้ลดลง 99.16 ล้านบาท หรือ 39.56% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง รวมทั้งความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ในการให้สินเชื่อกู้ซื้อบ้านเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2550 ซึ่งมีรายได้รวมเป็นจำนวนเงิน 197.47 ล้านบาท รายได้ไตรมาสนี้ลดลง 46.01 ล้านบาท หรือ 23.30%
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 11.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 43.27 ล้านบาท กำไรลดลง 32.01 ล้านบาทหรือ 73.98% ส่วนไตรมาส 1/2550 มีกำไรสุทธิ 28.94 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีต้นทุนสินค้ารวมลดลง เนื่องจากบางโครงการมีต้นทุนเดิมที่ค่อนข้างต่ำ และบ้านที่โอนขายได้ เป็นโครงการที่มีกำไร (margin) ค่อนข้างดี จึงทำให้มีอัตรากำไรเบื้องต้นดีกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลงจาก 55.44 ล้านบาท เหลือ 45.95 ล้านบาท หรือ 30.34% ในไตรมาสนี้เทียบกับ 22.12% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งเป็นผลมาจากรายได้รวมที่ลดลง ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงจาก 12.34 ล้านบาท เป็นเงิน 11.59 ล้านบาทลดลง 0.75 ล้านบาท หรือ 7.65% เป็นเหตุให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลง กำไรต่อหุ้น 0.01 บาท เทียบกับ 0.05 บาทในไตรมาส 2/2549 ลดลง 0.04 บาท หรือ 80%
ลลิลครึ่งปีรายได้หด 59%
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทมียอดรับรู้รายได้จากการขาย 214.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.11 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิ 22.86 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวม 441.64 ล้านบาท ลดลง 59% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้ 1,089.74 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 50.93 ล้านบาท ลดลง 78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไร 236.49 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ปี 2550 บริษัทมียอดขายที่ลดลง 288 ล้านบาท อันสืบ เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 มีปัจจัยลบหลายปัจจัยเข้ามากระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ตัดสินใจชะลอการซื้อในสินค้าประเภทสินค้าคงทน
เอพีค่าโฆษณาเพิ่ม18%
บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี ชี้แจงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกปี 2550 มีรายได้จากการขายและบริการ 2,811 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้ 3,281 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 256.42 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 467.81 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/2550 ลดลง 58.1% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก บริษัทมีรายได้ลดลง 19.6% และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ เพิ่มขึ้นจาก 12.1% ในไตรมาส 2 ปี 2549 เป็น ร้อยละ 18.1 ในไตรมาส 2 ปี 2550 จากการผลิตสื่อโฆษณาสำหรับเปิดโครงการคอนโดฯ "Life" 3 โครงการ นอกจากนี้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 22.8% เป็น 36.5% จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงจาก 234 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2549 เป็น 98.1 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2550 นี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|