|

"พฤกษา"สยายปีกสู่ตลาดโลกตั้งงบแค่400ล้านป้องกันความเสี่ยง
ผู้จัดการรายวัน(9 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
"พฤกษา" สยายปีกสู่ตลาดโลก เผยอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในตลาด เวียดนาม อินเดีย เล็งผุดที่อยู่อาศัยราคาถูก คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ แจงต้องการหาตลาดใหม่เพื่อขยายการลงทุน เบื้องตั้งงบลงทุนแค่ 300-400 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งการศึกษาจะครอบคลุมในทุกด้าน เช่น ความเป็นไปได้ของการลงทุน ข้อกฎหมาย ความต้องการของตลาด รูปแบบที่อยู่อาศัย ผลตอบแทน ฯลฯ
ขณะนี้ได้ทำการศึกษาใน 2 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีรูปแบบการพัฒนาอสังหาฯ ราคา ใกล้เคียงกับประเทศไทย อีกทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยยังใกล้เคียงกับเซกเมนท์ที่พฤกษาดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวยังมีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจสูงมาก ประชากรขาดแคลนที่อยู่อาศัยสูง
โดยเฉพาะในอินเดีย ประชาชนมีความต้องการบ้านระดับกลางขึ้นสูงถึง 10 ล้านยูนิต ประกอบกับจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก อินเดียต้องสร้างบ้านถึง 40,000 หลังต่อวันจึงจะเพียงพอต่อจำนวนประชากร ซึ่งบริษัทได้ทำการศึกษาในเมืองบังกาลอ และมุมไบ ส่วนระดับราคาบ้านที่ประชากรส่วนใหญ่รับได้ประมาณ 6 แสนบาท ซึ่งราคาดังกล่าวพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมถึงจะสามารถทำได้
สำหรับกฎหมายอินเดีย ของนักลงทุนต่างชาติกำหนดให้ต้องลงทุนขั้นต่ำ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ พัฒนาพื้นที่ไม่น้อยกว่า 50,000 ตร.ม. หรือ 20 เอเคอร์ และห้ามถอนเงินลงทุนหรือนำเงินกลับประเทศจนกว่าจะครบ 3 ปี แต่หากร่วมลงทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นจะต้องลงเงินไม่น้อยกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนตลาดอสังหาฯในเวียดนามนั้น ได้ศึกษาที่เมืองไซงอน ซึ่งราคาที่ดินสูงกว่าเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นการเช่าระยะยาว 50 ปี ทำให้คอนโดมิเนียมได้รับความนิยมสูงสุดถึง 90% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด ซึ่งเวียดนามถือเป็นตลาดเกิดใหม่อยู่ในช่วงอัตราการเติบโตสูง เหมือนไทยในช่วง 10-15 ปีก่อนหน้านี้ แต่ยังถือว่าเล็กกว่าเมืองไทยมาก โดยคิดเป็น 10% อสังหาฯในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
ทั้ง 2 ประเทศ ราคาที่ดินจะสูงกว่าไทย ส่วนราคาวัสดุนั้นอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าโดยรวมแล้วต้นทุนการก่อสร้างจะไม่แตกต่างจากไทยมากนัก อย่างไรก็ดีทั้ง 2 ประเทศค่าแรงถูกกว่าไทยมาก หากมีการบริหารจัดการที่ดีน่าจะสามารถลงทุนได้ โดยจากการศึกษาพบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 30%
"บริษัทต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงต้องขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทในการก้าวสู่ตลาดโลก อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดการค้าเสรีในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นหนึ่งในมาสเตอร์แพลนของพฤกษา"
นายทองมา กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นจะเลือกลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพที่สุดเพียงประเทศเดียวก่อน ส่วนจะเข้าไปลงทุนในรูปแบบลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาอยู่ ส่วนเม็ดเงินลงทุนนั้นคาดว่าจะใช้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท และถือว่าเป็นเม็ดเงินที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากเป็นการทดสอบตลาดใหม่ จึงไม่ต้องการลงทุนสูงเป็นการลดความเสี่ยงอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งหากตลาดไปได้ก็จะดำเนินการต่อเนื่องและขยายไปสู่ตลาดอื่นๆต่อไป
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|