CMCทุ่ม 40ล้านสร้าง6แบรนด์ใหม่หวังปูฐานตลาดครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม


ผู้จัดการรายวัน(9 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

"เจ้าพระยามหานคร" ทุ่ม 140 ล้านบาท จ้าง จ้าง "เคีรยเอทีฟ จูยส์" สร้างแบรนด์สินค้าใหม่ พร้อมรีแบรนด์ดิ้ง3 แบรนด์เดิม ครอบคุลมกลุ่มลูกค้าทุกระดับในตลาดอสังหาฯ คาดปี51 เห็น6 แบรนด์ใหม่ แจงแผนธุรกิจ ไตรมาส 4 เปิดตัวบ้านเดี่ยวไฮเอน ย่านพระรามที่ 2 ระบุสัญญาตลาดไฮเอ็นเริ่มฟื้น ชี้อัตราระบายออกบ้านแพงปลายปี 49 ต่อเนื่อง 6 เดือนแรกปี 50 ขยายตัว สต็อกเดิมในตลาดเริ่มหมด มั่นใจยอดขายตามเป้า 3,000 ล้านบาท

นายวิเชียร แพทยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด หรือ CMC กล่าวว่า บริษัทได้วางงบประมาณในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าไว้ 140 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ของบริษัทเพิ่มรวมถึงการรีแบรนด์ดิ้งของบริษัททั้ง 3 แบรนด์เดิมให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นที่รับรู้ในกลุ่มลูกค้าและผู้บริโภคในตลาดมากขึ้น โดยล่าสุดได้ว่าจ้างบริษัท เคียรเอทีฟ จูยส์ ให้ทำหน้าที่สร้างสรรค์แบรนด์สินค้าใหม่เพิ่มอีก 4 แบรนด์ เพื่อรองรับการการขยายฐานตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในอนาคตให้มากขึ้น

ทั้งนี้ การสร้างแบรนด์ใหม่นั้นขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการเก็บข้อมูลและการวางคอนเซ็ปต์ รวมถึงการตั้งชื่อแบรนด์สินค้ากลุ่มใหม่ เพื่อให้ตรงกับตำแหน่งสินค้าให้และกลุ่มเป้าหมาย โดยคาดว่าการสร้างแบรนด์ใหม่นี้จะเสร็จและสามารถเปิดตัวได้ในปี 51 ปัจจุบัน บริษัทมีแบรนด์สินค้าอยู่ 3 ตัวประกอบด้วย แบรนด์ ชาโต ซึ่งพัฒนาสินค้าในกลุ่ม ซิตี้คอนโดมิเนียม ราคาขาย 40,000-60,000 บาทต่อตารางเมตร แบรนด์ คาซ่า ยูเรก้า ซึ่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มทาวน์โฮม ราคา 2-4 ล้านบาท และแบรนด์ รอยัลรีเจนท์ พัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ไฮเอน ราคาขาย 60,000 ต่อตารางเมตรขึ้นไป

สำหรับการสร้างแบรนด์ใหม่และการรีแบรนด์สินค้าเดิมนั้น CMC ได้ให้โจทย์แก่ บริษัท เครียเอทีฟ จูยส์ ว่าให้มีการพัฒนาแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 4 แบรนด์ และทำการรีแบรนด์สินค้า 3 ตัวเดิมด้วย ซึ่งจะทำให้ในปี 51 บริษทัจะมีแบรนด์สินค้ารวมทั้งสิ้น 6 แบรนด์ ประกอบด้วย 1.แบรนด์สินค้า บ้านเดี่ยว ไฮเอน ระดับราคาขาย 10ล้านบาทขึ้นไป 2.กลุ่มสินค้า คอนโดฯไอเอน ราคาขาย 60,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป 3.กลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวระดับกลาง ราคา 4-8 ล้านบาท 4.กลุ่มสินค้าซิตี้คอนโดฯระดับราคา 40,000-60,000 บาทต่อตารางเมตร, 5.กลุ่มสินค้า ทาวน์เฮาส์และโฮมออฟฟิศ ระดับบนราคา 4-10ล้านบาท และ 6. กลุ่มสินค้าทาวน์เฮาส์และทาวน์โฮมระดับกลาง ราคาขาย 2-4 ล้านบาท

นายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 5 เดือนหลังจากนี้นั้น บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอน เพิ่มอีก 1 โครงการ ย่านพระราม 2 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 50 นี้ โดยโครงการบ้านเดี่ยวดังกล่าวจะเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 14 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 40 ยูนิต ซึ่งบ้านแต่ละยูนิตจะมีพื้นที่ขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป

ทั้งนี้ จากการศึกษาความต้องการในตลาดและการระบายออกของสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับบนในช่วงที่ผ่านมานั้น มีปริมาณการระบายออกสินค้าในตลาดที่สูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะใช่วงปลายปี 2549 ต่อเนื่องถึงช่วง ต้นปี 50 จนถึงปัจจุบันนั้น อัตราการระบายออกของสินค้าบ้านเดี่ยวไฮเอนเริ่มขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่จำนวนสต็อกบ้านเดี่ยวไฮเอนในตลาดที่มีอยู่ถูกระบายออกไปจำนวนมาก ทำให้ซับพลายในตลาดลดลง และเหลือจำนวนที่น้อย ซึ่งเป็นสัญญาบอกว่าตลาดบ้านเดี่ยวไฮเอ็นเริ่มฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัท ได้เปิดพรีเซลโครงการ แบงค์คอก ฮอไรซอน โครงการคอนโดมิเนียม ไฮไลท์ 37 ชั้น ย่านรามคำแหง มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท มีพื้นที่การพัฒนาโครงการ 3 ไร่ 1 งาน จำนวน 586 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท ถึง 20ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่า ในช่วงพรีเชลนี้จะมียอดขายประมาณ 25% โดย10%จะมาจากการขายในงาน Thailand condo Expro และอีก15% จะมาจากยอดพรีเซล ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการได้ทั้งหมดภายในเดือน ธ.ค.50 นี้

สำหรับในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัท มียอดขายแล้ว 50% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่วางไว้ 3,000 ล้านบาท และยังมั่นใจว่าในปีนี้จะมียอดรับรู้รายได้รวมที่ 2,000 ล้านบาท จากการขายสินค้าใน 5 โครงการที่เปิดขายอยู่ แม้ว่าสถานการณืตลาดในขณะนี้อาจจะยังไม่สดใสเท่าที่ควร แต่จากการประเมินสถานการณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าความชัดเจนในด้านต่างๆ เริ่มคลี่คลายและเชื่อว่า ในช่วงปลายปีนี้ตลาดน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.