บิ๊กTMTโอดกำไรหดศก.ชะลอทุนญี่ปุ่นทุ่มซื้อ112ล.ซื้อหุ้น5%


ผู้จัดการรายวัน(7 สิงหาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้ถือหุ้นใหญ่ TMT หั่นหุ้นขายพันธมิตรจากญี่ปุ่น 21.25 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.30 บาทสูงกว่าราคาปิดวันที่ทำการซื้อขายถึง 24% รับทรัพย์ 112 ล้านหุ้น หวังสร้างศักยภาพระยะยาว ผู้บริหารรับกำไรสุทธิปีนี้อาจจะลดลงจากปีก่อน จากการเมืองเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ยืนยันปีนี้จ่ายปันผลแน่ เผยพันธมิตรอาจจะมีการขยายสัดส่วนถือหุ้นเป็น 20-30 % ในอีก 3-5 ปี

นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ทำการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่บริษัท Metal One Corporation ซึ่งเป็นพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้ทำการจำหน่ายหุ้น ประกอบไปด้วย นายสูรย์ ธรสารสมบัติ ซึ่งจำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 13.25 ล้านหุ้น หรือ 3.12 % ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท คิดเป็นมูลค่า 70.22 ล้านบาท และนายไพศาล ธรสารสมบัติ , นายปานชัย พิพัฒนสกุล , นายคมสัน ธรสารสมบัติ และนายชำนาญ ธรสารสมบัติ รายละ 2 ล้านหุ้น หรือ 0.47 % รวมจำนวนหุ้นที่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้จำหน่ายให้แก่บริษัท Metal One Corporation ทั้งสิ้น 21.25 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 112.62 ล้านบาท

ทั้งนี้หลังการจำหน่ายหุ้นจะทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมในตระกูลธรสารสมบัติและตระกูลพิพัฒนสกุลมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TMT ลดลงเหลือเป็น 75.66 % จากเดิมที่ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 80.66 % ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหม่ได้เข้าซื้อหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 5.00 %

สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อความร่วมมือทางการค้าต่อกันและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัทในระยะยาว โดยการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารแต่อย่างใด

Mr. Moriji Kanada ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทัล วัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายในการผนึกเครือข่ายให้มีความสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และประเทศไทยเป็นประเทศที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจในการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้เหล็กเป็นวัสดุพื้นฐาน ทำให้บริษัทเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีพันธมิตรเพื่อให้บริการเหล็กแบบครบวงจรในประเทศไทย ซึ่ง TMT เป็นผู้มีศักยภาพสูงสุดและเป็นที่ยอมรับของตลาด

นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้อำนวย บมจ.ค้าเหล็กไทย กล่าวว่า กำไรสุทธิของปีนี้อาจจะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 286.47 ล้านบาท แต่บริษัทจะพยายามรักษาระดับรายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน โดยกำไรของบริษัทลดลงนั้นเนื่องจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้รับผลกระทบ

ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 /50 บริษัทมีรายได้ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลังจากที่บริษัทหันไปเจาะตลาดสินค้าเหล็กที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ส่วนเหล็กก่อสร้างทั่วไปนั้น บริษัทก็ยังคงการผลิตอยู่ แม้จะมีกำไรไม่มากแต่ขายได้ในปริมาณสูงพอสมควร

"เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้เราได้รับผลกระทบแต่บริษัทอื่นก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ดังนั้นกำไรในปีนี้คงจะลดลงแต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ แต่การที่บริษัทเจาะตลาดสินค้าเหล็กที่มีมูลค่าเพิ่มจะสะท้อนในแง่ของกำไรชัดเจนในปีหน้ามากกว่าปีนี้ โดยจะพยายามเพิ่มสัดส่วนให้อยู่ที่ 20% จากเดิมที่ไม่ถึง 10%"

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทได้มีการหารือกับพันธมิตรที่สนใจในการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท คาดว่าใกล้ได้ข้อสรุปในการเจรจาหาพันธมิตรจากประเทศในแถบเอเชียเข้าร่วมทุนกับบริษัท เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตอยู่ที่ 5 แสนตันต่อปี ซึ่งสามารถรองรับออเดอร์จากเมทัล วันฯ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องขยายการลงทุนเพิ่มในระยะ 1-2 ปี เนื่องจากในปีก่อนได้มีการลงทุนในการซื้อเครื่องจักรไปแล้ว 400 กว่าล้านบาท ส่วนการถือหุ้นเมทัล วันนั้น อาจจะมีการขยายสัดส่วนเป็น 20-30 % ภายในระยะเวลาอีก 3-5 ปี จากปัจจุบันที่ถือหุ้น 5 %

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น TMT วานนี้(6 ส.ค.) ราคาปิดที่ 4.00 บาท ลดลง 0.28 บาท หรือ 6.54% มูลค่าการซื้อขาย 138.32 ล้านบาท ขณะที่ราคาปิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ขายหุ้นบางส่วนให้กลุ่มพันธมิตรใหม่ ราคาปิดที่ 4.28 บาท ต่ำกว่าราคาซื้อถึง 1.02 บาท หรือ 23.83%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.