|

ตปท.ทิ้งหุ้นไทยดัชนีปรับฐานต่อสวนตลาดเอเชีย
ผู้จัดการรายวัน(1 สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (31 ก.ค.50) ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงเกิดการปรับฐานต่อเนื่อง สวนกระแสตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคที่มีการปรับตัวขึ้น โดยมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานก่อนส่งผลทำให้ดัชนีปิดที่ 859.76 จุด ลดลง 3.82 จุด หรือ 0.44% โดยมีจุดสุงสุดที่ 869.85 จุด และต่ำสุดที่ 854.99 จุด มูลค่าการซื้อขาย 22,735.25 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 563.34 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 492.69 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1056.03 ล้านบาท
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี จำกัด เปิดเผยว่า การที่หุ้นปรับตัวลดลงวานนี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคมีการปรับตัวลดลง ทำให้วานนี้หุ้นไทยได้รับผลกระทบย้อนหลัง ประกอบกับการที่ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ทำให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมากว่า 4 พันล้านบาท
"ถ้าเงินบาทอ่อนค่าลง เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติก็จะลดลงต่อเนื่อง เพราะการทำกำไร 2 ต่อของนักลงทุนต่างชาติจะลดลงไปด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าการลดลง เป็นการทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่หุ้นขึ้นมา 200 จุดเท่านั้น เพราะในระยะยาวยังมีมุมมองเศรษฐกิจประเทศไทยเป็นบวกอยู่ ทั้งนี้ในระยะสั้นดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัว โดยให้แนวรับที่ 840-852 จุด และให้แนวต้านที่ 870-878 จุด"
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสวนกระแสตลาดหลักทรัพย์ทั่วภูมิภาคที่มีการปรับตัวขึ้น เกิดมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่มีแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างมาก ภายหลังจากที่ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมามากรับรู้ถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไปแล้ว
เทขายหุ้นพลังงานระยะสั้น
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า สาเหตุที่ช่วงนี้ราคาในกลุ่มน้ำมันปรับตัวลดลงนั้น เนื่องมาจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่เริ่มมีการปรับตัวลดลง และการเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่ราคาของหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างมาก อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการเทขายทำกำไรในขณะนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
"แนวโน้มในกลุ่มพลังงานครึ่งปีหลังของปี 2550 น่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใส แต่ในไตรมาส 4 อาจจะมีการชะลอตัวลง เนื่องมาจากราคาน้ำมัน และค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง ส่วนแนวโน้มราคาเฉลี่ยของน้ำมันปีนี้น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มพลังงานตอนนี้ยังไม่เต็มมูลค่า โดยกำหนดมูลค่าเหมาะสมของ PTT ไว้ที่ 353 บาท PTTEP ที่ 142 บาท และ BANPU ที่ 277 บาท "
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นมานั้น เกิดมาจากฟันด์โฟว์ ของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 50 % และอีก 50 % มาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทประกอบกับแนวโน้มของราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตามราคาของหุ้นในหลายบริษัทในกลุ่มดังกล่าวขณะนี้เป็นราคาที่สะท้อนถึงผลประกอบการของปีหน้าแล้ว
ทั้งนี้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม โดยดัชนีกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคปิดวานนี้ที่ 19,152.95 จุด เพิ่มขึ้นจากดัชนีกลุ่มปลายเดือนมิถุนายนที่ 16,548.54 จุด กว่า 2,604.41 จุด หรือ 15.73 %
โรดโชว์ญี่ปุ่นฉลุย
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไท (ตลท.) กล่าวถึง การไปร่วมงาน “ International Roadshow in Japan ” ระหว่างวันที่ 29 –31 กรกฎาคม 2550 ประเทศญี่ปุ่น ตามคำเชิญของบริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และ Nomura Securities Co., Ltd. ว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริหารกองทุนและตัวแทนสถาบันต่าง ๆ รวมกว่า 70 ราย โดยนักลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมโรดโชว์มาจากหลายหมวดธุรกิจด้วยกัน อาทิ ธนาคาร ประกัน ธุรกิจร่วมลงทุน บริษัทจัดการลงทุน และธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภค
ทั้งนี้ ประเด็นที่สถาบันเหล่านี้สนใจสอบถามได้แก่ ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน รวมทั้ง สถานการณ์ทางการเมือง โดยตลท.ได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายและทิศทางการดำเนินงานของตลท. และบริษัทในเครือ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่ คือ อิควิตี้อีทีเอฟ และ SET50 Index Options ที่จะเริ่มซื้อขายในไตรมาส 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจอย่างมากเช่นกัน
สำหรับช่วงการพบบริษัทจดทะเบียนแบบ one-on-one meeting มีนักลงทุนสถาบันประมาณ 20 แห่งเข้ารับฟังข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนแต่ละแห่งที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และบมจ. ไทยออยล์
“การเดินทางไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนสถาบันในญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นนักลงทุนที่ลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว และต้องการข้อมูลที่เพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุน” นางภัทรียากล่าว
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลท. กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและพัฒนาตลาดทุนอย่างจริงจัง และในระยะอันใกล้นี้จะมีการลงประชามติให้ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ และจะมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ด้านการเมืองของประเทศไทยมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ อาทิ ตัวชี้วัดระดับเศรษฐกิจมหภาคที่แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ แม้กระนั้น ค่าพีอี หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทย ก็ยังถือว่าต่ำกว่าตลาดหลายแห่งในภูมิภาค ขณะที่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง
คอมพิวเตอร์ตลาดหุ้นป่วนแสดงข้อมูลผิด
ด้านบรรยากาศในช่วงปิดตลาดหลักทรัพย์ ปรากฎว่า ระบบแจ้งข้อมูลการซื้อขายผ่าน www.set.or.th ได้แสดงผลการซื้อขายผิดพลาด เช่น การเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET จากปกติปิดลดลง 3.82 จุด หรือ 0.44% เป็นลดลง 177.48 จุด หรือ ลดลง 20.55% ขณะที่มูลค่าซื้อขายที่ถูกต้องซึ่งอยู่ที่ 22,735.25 ล้านบาท เป็น 13,493.18 ล้านบาท ด้านดัชนี mai จากปกติปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.46 จุด หรือ 2.13% เป็นลดลง 94.73 จุด หรือ 37.01% มูลค่าการซื้อขายที่ถูกต้องอยู่ที่ 199.65 ล้านบาทเป็น 101.50 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|