กิฟฟารีนปลุกภาพลักษณ์ขายตรง เท140ล.ออกโฆษณาลุยครึ่งปีหลัง


ผู้จัดการรายวัน(27 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

กิฟฟารีน ยันไม่ปรับแผนธุรกิจขายตรง เท 140 ล้านบาท ลุยครึ่งปีหลัง ส่งภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่องใหม่ปลุกความเชื่อมั่นธุรกิจกิฟฟารีน สร้างภาพลักษณ์ขายตรง ชงแนวคิดทางเลือกใหม่ของชีวิต รับเศรษฐกิจตกสะเก็ด ระบุภาวะตกงานโอกาสคนแห่เข้าระบบขายตรงมีสูง มั่นใจสิ้นปีรายได้โต 10% กวาด 3,800 ล้านบาท

แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า แผนการตลาดในครึ่งปีหลังบริษัทได้ทุ่มงบ 140 ล้านบาท จากงบทั้งปี 200 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นการให้ข้อมูลการสร้างธุรกิจให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนในงานประชุมนักธุรกิจทั่วประเทศ อีกทั้งยังเน้นการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจขายตรงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 15-20 รายการ ทั้งนี้แผนการตลาดครึ่งปีหลังบริษัทไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่หดตัวลง ส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง

ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 80 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่องใหม่ในครึ่งปีหลัง นำร่องภาพยนตร์โฆษณาชิ้นแรก “Believe Me” เน้นการสื่อสารความในใจของคนในสังคมเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนใจทำธุรกิจกิฟฟารีน เพราะภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง บริษัทจึงเน้นการนำเสนอทางเลือกของชีวิต โดยโฆษณาดังกล่าวเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 28-35 ปี โดยมีวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาไปต้นไป ส่วนภาพยนตร์ชุดที่ 2 เน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจและองค์กรกิฟฟารีน เนื่องจากคนจำนวนมากยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง เพราะมีธุรกิจขายตรงบางบริษัทมีธุรกิจแอบแฝง

“ภาวะตกงานที่เกิดขึ้น มีโอกาสที่จะทำให้คนหันมาดำเนินธุรกิจขายตรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นอาชีพที่เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่โอกาสในการขายก็มีน้อยสำหรับคนตกงาน เนื่องจากขาดการมีสังคม ส่วนการที่บริษัทหันมามุ่งเน้นนักธุรกิจรุ่นใหม่มากขึ้น เป็นเพราะมีความฉลาดและมีความคิดอยากเป็นเจ้าของกิจการ”

สำหรับแผนด้านการส่งออกบริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันนี้ส่งออกไปแล้ว 30 ประเทศ อาทิ เกาหลี ออสเตรเลีย เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่บริษัทได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากรายได้การส่งออกยังน้อย ประกอบกับมีการสั่งซื้อวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิต ทำให้สามารถรักษาความสมดุลย์ของรายได้ สำหรับคู่แข่งที่สำคัญในตลาดต่างประเทศในขณะนี้ ได้แก่ ประเทศอินเดีย เวียดนาม และจีน

ภาวะธุรกิจขายตรงปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% สำหรับผลประกอบการของบริษัทในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% โดยมีรายได้ 3,800 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนนักธุกกิจเพิ่มจาก 3 หมื่นรหัสต่อเดือน เป็น 3.8 หมื่นรหัสต่อเดือน โดยในช่วงที่มีโฆษณาใหม่จะเพิ่มถึง 5 หมื่นรหัสต่อเดือน สำหรับยอดสมาชิกนักธุรกิจในไตรมาสแรกมีราว 4.3 แสนราย แบ่งเป็น ผู้บริโภค 80% และเป็นนักธุรกิจ 20% และจากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 -2,200 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.