|
Captiva กับงานเปิดตัวที่แพงที่สุด
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ถ้าจะนับค่ายรถที่มีสีสันตื่นตาตื่นใจ มีลูกเล่นแปลกๆ ใหม่ๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะ ต้องยกให้ค่ายรถจากฝั่งยุโรป อเมริกา ที่รู้ตัวเองดีว่าตกเป็นรองรถจากค่ายญี่ปุ่น จึงต้องหาทางสอดแทรกและช่วงชิงตำแหน่งในใจของผู้บริโภคให้ได้
แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
บางครั้งความแปลกใหม่ ไม่ได้เป็นคำรับรองว่าประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด เข้ามาทำตลาดในบ้านเรานับตั้งแต่เปิดโรงงานประกอบรถก็ล่วงเข้าไป 8 ปีแล้ว มีรถออกมาหลายต่อหลายรุ่น เริ่มจากซาฟีร่า ออฟตร้า โคโลลาโด เอวิโอ และล่าสุด แคปติว่า หรือประมาณ 2 ปีมีรถใหม่ 1 รุ่น พร้อมกับลบภาพรถเกาหลี แดวู ให้กลายเป็นรถอเมริกันไปได้กว่า 80%
ถือว่าเป็นงานที่หนักหนา เพราะคู่แข่งอันดับต้นๆ ก็แข็งแกร่ง เกินไป การขอขึ้นไปแทนที่เลยดูว่าห่างไกล แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ซื้อรถมีทางเลือกมากขึ้น
ส่วนงานหนักที่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งก็คือรถ SUV ในรุ่นแคปติว่า ซึ่งเป็นตลาดใหม่สำหรับเจเนอรัล มอเตอร์ส ในประเทศไทย
รถเก๋งก็มีครบทั้งกลาง และเล็ก รถกระบะก็มีให้เลือก ตลาดรถ SUV ที่ผู้บริโภคสนใจอย่างมากในช่วงนี้ จึงไม่ใช่ตลาดที่จะปล่อยผ่าน ไปเฉยๆ แล้วดูคู่แข่งแบ่งลูกค้ากัน
โรงงานพร้อม บุคลากรพร้อม จีเอ็มก็พร้อมในตลาดนี้เช่นกัน
ถ้าหากจะมองเข้าไปในตลาดของรถประเภทนี้ที่เป็นคู่แข่งจริงๆ ก็คือฮอนด้า ซีอาร์วี กับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ แต่ตัวหลังนี้เป็นการพัฒนาจากโครงสร้างรถกระบะ ไม่ได้สร้างขึ้นจากพื้นฐานของรถ SUV โดยตรง ส่วนค่ายยุโรปอื่นๆ ก็ราคาสูงเกินไป
การแทรกตลาดรถประเภทนี้น่าจะทำได้ง่ายกว่า
วิลเลี่ยม บอทวิค ประธานกรรมการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า วิศวกรจีเอ็มทั่วโลกได้สร้างรถต้นแบบ มากกว่า 450 คัน ผ่านการทดลองขับมากว่า 5 ล้านกิโลเมตรรอบโลก ผ่านการทดสอบการใช้งานในทุกภูมิอากาศ ทุกสภาพถนนและความเร็ว ทั้งร้อนสุดและเย็นสุด แต่ที่สำคัญรถรุ่นนี้ผลิตในประเทศไทย และจะส่งออกไปทั่วโลกด้วย
ถ้าจะให้ประเมินความสำคัญของรถรุ่นนี้ ทางจีเอ็มตั้งใจ ไว้ไม่น้อย เพราะมีการเปิดตัวให้ผู้บริโภคได้เห็นในงานมอเตอร์โชว์มาแล้ว แต่ไม่มีรายละเอียด จนล่าสุดก็เปิดตัวแบบกึ่งทางการ ด้วยการพาไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่ระยอง และจัดงานกันในโรงงานประกอบรถยนต์เชฟโรเลตแบบปิดโรงงานหยุดสายการผลิตกันเลย
เจ้าหน้าที่ของจีเอ็มที่ดูแลเรื่องการผลิตในโรงงานประกอบ รถยนต์บอกว่า สายการผลิตทั้งโรงงานหยุดการผลิตตั้งแต่เวลา 11.00-13.00 น. เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ในเวลา 2 ชั่วโมงที่หยุดไปนี้ ถ้าประกอบรถกระบะก็ได้ 50 คัน หากเป็นรถเก๋งก็ได้ 17 คัน คิดคร่าวๆ โรงงานของจีเอ็ม ทำเงินหล่นหายไปหลายล้านบาททีเดียวในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงทองที่หยุดไป
แต่เวลา 2 ชั่วโมงที่หายไป ถูกทดแทนด้วยงานฉลองรถแคปติว่าคันแรกในสายการผลิต พร้อมๆ กับเนรมิตโรงงานประกอบรถยนต์ให้กลายเป็นโรงงานเล่าเรื่องราวของรถคันหนึ่งก็คุ้มค่าไม่น้อยทีเดียว
เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แดนเซอร์ ถูกจับมาไว้ในโรงงาน พร้อมๆ กับพนักงานทุกคนในโรงงานที่ใส่เสื้อขาวมีชื่อแคปติว่าติดไว้ที่หน้าอก ทำให้บรรยากาศดูขลังไม่น้อยทีเดียว
หลังจากเปิดตัวรถคันแรกในสายการผลิตแล้ว ก็มีเวลาให้ทดสอบรถกัน ก็ได้เพียงแค่ทดสอบฉบับย่อโดยใช้เส้นทางในโรงงาน ไม่ได้เป็นการทดสอบที่จริงจังหรือรุนแรงมากนัก พอให้รู้ว่าเป็นอย่างไรก็พอ
การมาถึงของรถรุ่นใหม่อย่างแคปติว่า ก็พร้อมๆ กับการผลัด เปลี่ยนผู้บริหารของจีเอ็มในประเทศไทย วิลเลี่ยม บอทวิค ผู้ที่เข้ามาบุกบิกรถเชฟโรเลตในบ้านเราก็ถึงคราวที่ต้องโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น
เขาคนนี้เป็นผู้บริหารคนแรกของจีเอ็ม หลังจากที่ตัดสินใจตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย และได้ใช้เป็นศูนย์กลางผลิตรถของจีเอ็มอีกแห่งในภูมิภาคอาเซียน และก็เริ่มลงมือทำตลาดรถเชฟโรเลตอย่างจริงจัง เขาเริ่มต้นกับรุ่นซาฟีร่าและอำลาไปด้วยรุ่นแคปติว่า
เขาบอกว่า ทำงานในไทยมา 8 ปี และจากประสบการณ์ที่ทำงานแบบตระเวนไปทั่วโลก เขารักเมืองไทยมากที่สุด และการไปรับตำแหน่งที่โรงงานจีเอ็ม ในเซี่ยงไฮ้ เขาก็เสนอตัวว่าหากใครผ่านไปเซี่ยงไฮ้ก็แวะเยี่ยมเยียนและจะมาดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
สำหรับเชฟโรเลต แคปติว่า มีเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 2,405 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 2,200 รอบ/นาที ราคา 1.46 ล้านบาท มีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร ฝาสูบเดี่ยว SOHC 16 วาล์ว 1,991 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ เทอร์โบ ชาร์เจอร์ แบบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ราคา 1.56 ล้านบาท จะเปิดตัวหลังเครื่องยนต์เบนซิน มีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ
จากนี้ไปจีเอ็มประเทศไทยก็กำลังเร่งทำยอดขายแคปติว่า อย่างเร่งด่วนเพราะต้องชดเชยรายได้จากการปิดโรงงานไป 2 ชั่วโมง
ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นงานยากเท่าไร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|