|

หุ้นไทยร้อนจ่อทะลุ900จุดกลุ่มปตท.รวยเพิ่ม3.3แสนล.เมินการเมืองระอุ
ผู้จัดการรายวัน(25 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (24 ก.ค.) ดัชนีหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นพลังงานที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนหลายบริษัท แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศจะยังมีความร้อนแรงอยู่ก็ตาม โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดทำสถิติในรอบ 11 ปี ปิดที่ 880.95 จุด เพิ่มขึ้น 18.33 จุด หรือ 2.12% ขณะจุดสูงสุดอยู่ที่ 884.64 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 870.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,880.04 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,896.70 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,544.97 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,441.66 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้ของดัชนีตลาดหุ้นไทย เป็นเพราะสภาพคล่องของเงินในโลก เป็นประเด็นผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในระยะสั้นคาดว่าหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 880-890 จุด แต่ไม่น่าจะเกิน 900 จุด
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาการปรับขึ้นของดัชนีส่วนใหญ่เกิดมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยช่วง 1 เดือนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการที่จะประกาศออกมา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ 78 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันเฉลี่ยงทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 67 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
"ถ้าหุ้นขึ้นไปถึง 900 จุด ต้องระวังการเทขายออกมาทำกำไร เพราะระดับดังกล่าวเป็นระดับคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของหุ้นในขณะนี้ เกิดมาจากแรงซื้อจากสภาพคล่องเท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเลย"นายอดิศักดิ์กล่าว
สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานปัจจุบันระดับ PE อยู่ที่ 10 เท่าต่ำกว่าระดับ PE ของตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งอยู่ที่ระดับ 14 เท่า สะท้อนได้ว่าหุ้นกลุ่มนี้มีราคาที่ต่ำเมื่อเทียบกับตลาด และราคายังมีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้อีกมาก ส่งผลทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าหลังจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 - 4 น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง
โบรกฯมองผ่าน900จุด
นางสาวสุภาภร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นเกินกว่า 900 จุด ขึ้นอยู่กับแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติว่าจะมีต่อเนื่องหรือไม่ แต่คาดว่าแรงซื้อจากต่างชาติน่าจะยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากในขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่า และยังมีกระแสจากการควบรวมระหว่าง RRC กับ ATC เป็นปัจจัยหนุน ซึ่งน่าจะทำให้ดัชนีน่าจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนปัญหาเรื่องการเมืองนั้น จะเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น และหลังจากนี้การชุมนุมประท้วงน่าจะลดความรุนแรงลงและไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น เนื่องมาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มของปตท. ซึ่งมีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากที่บริษัทในเครือมีการควบรวมกิจการกัน ทำให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ปตท.นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่วานนี้ปรับตัวในทางบวก
ทั้งนี้ปัจจุบันดัชนีในปัจจุบันปรับขึ้นไปเกินระดับเป้าหมายปลายปีของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ที่มองไว้ที่ระดับ 880 จุดแล้ว โดยแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 900 จุด อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องระวังการลงทุนด้วย เพราะหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงมาก โดยให้แนวรับที่ 868-870 จุด
เชื่อการเมืองไม่กระทบหุ้น
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า กรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่านั้น ส่วนตัวมองว่ามาตรการดังกล่าว จะช่วยให้ค่าเงินอ่อนค่าได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวคงต้องติดตามผลต่อไป ขณะเดียวกันยังคงไม่มีนัยสำคัญต่อการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวดังกล่าวแล้ว ดังนั้นการอนุมัติมาตรการจึงไม่ส่งผลกระทบกับจิตวิทยาการลงทุน
ในส่วนของการชุมนุมต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)นั้น เชื่อว่าคงจะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ เนื่องจากทางตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกันหากกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีการชุมนุมต่อจะเกิดผลเสียกับกลุ่มผู้ชุมนุมเองเพราะว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบที่ระดับ 890 จุด แต่คงต้องติดตามการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศซึ่งจะมีผลกับจิตวิทยาการลงทุน
เครือปตท.รวยขึ้นอื้อ
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มพลังงานช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา (2 ก.ค.-24 ก.ค.) ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 58 บาทมาปิดที่ 328 บาท หรือ 21.48%, บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง หรือ RRC เพิ่มขึ้น 6.35 บาท หรือ 32.73% มาปิดที่ 25.75 บาท, บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP เพิ่มขึ้น 16.5 บาท หรือ 23.40% มาปิดที่ 87 บาท, บมจ.ปตท.เคมิคอล หรือ PTTCH เพิ่มขึ้น 28 บาท หรือ 31.11% มาปิดที่ 118 บาท, บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP เพิ่มขึ้น 18 บาท หรือ 16.66% มาปิดที่ 126 บาท และบมจ.อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) หรือ ATC เพิ่มขึ้น 12 บาท หรือ 18.46% มาปิดที่ 77 บาทโดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เกตแคป)ของ 6 บริษัทในกลุ่มปตท.ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.509 ล้านล้านบาทมาอยู่ที่ 1.836 ล้านล้านบาท หรือ 3.3 แสนล้านบาท หรือ 21.66%
กิมเอ็งเปิดสาขารับหุ้นขาขึ้น
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ จะเปิดทำการสาขาฟอร์จูนทาวน์ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ โดยเป็นสาขาเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจบนถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นทำเลที่ดีมาก ประกอบกับปัจจัยการเมืองเป็นประเด็นสำคัญและเมื่อปัญหาต่างๆ ได้เริ่มคลี่คลาย ปัจจัยทางการเมืองและการเลือกตั้งใหม่เริ่มเห็นทิศทางที่แจ่มชัดขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นในระยะปานกลางถึงระยะยาวและทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าทิศทางตลาดหลักทรัพย์ฯในครึ่งปีหลัง จะมีภาวะที่สดใสมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความน่าสนใจอยู่เมื่อเทียบกับภาวะตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเพื่อนบ้าน แต่อาจจะมีการปรับตัวตามจังหวะอยู่บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้แนะนำลูกค้าให้เข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคายังไม่แพงมากนัก
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|