|

กลเกมธุรกิจเวชภัณฑ์…ระเบิดสงครามการตลาดแนวใหม่
ผู้จัดการรายสัปดาห์(23 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เมื่อธุรกิจยาเวชภัณฑ์พลิกเกมปรับโมเดลสร้างแบรนด์เปิดเกมรุก งัดการตลาดแนวใหม่ตามรอยสินค้าคอนซูเมอร์ออกมาใช้ หลังประเมินพบว่าจะ “ส่อแวว” สะดุดตามสภาพเศรษฐกิจ โดยปูพรมประชาสัมพันธ์พร้อมจัดอีเวนต์เน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลักพร้อมอัดฉีดโปรโมชั่นหวังกระตุ้นตลาดให้เติบโต
การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันของประเทศส่ออาการ “ฝืด” และยังไม่มีทีท่าว่าเมื่อไรจะ “วิ่งฉิว” ได้อีก โดยเฉพาะสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ที่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานทำให้ชะลอตัว ขณะเดียวกันธุรกิจเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ส่อแววจะเจอกับอาการ “นิ่ง” เช่นกัน เนื่องจากในทุกปีตลาดนี้เป็นอีกหนึ่งขุมทรัพย์ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตทุกปีไม่ต่ำกว่า 10% ....การปรับตัวตั้งรับของผู้ประกอบการเพื่อหากลยุทธ์สร้างแผนการตลาดงัดออกมาใช้หวังจูงใจลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระแสของการรักษ์และเอาใจใส่ดูแลสุขภาพอย่างมีคุณภาพที่กลายเป็นยุทธวิธีแนวใหม่และนับว่าใช้ได้ผลทีเดียว
ถึงแม้ว่าสัญญาณธุรกิจในปี 2550 จะดูไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก แต่จากการโหมรุกตลาดเวชภัณฑ์ของสินค้าหลายค่าย ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการเติบโตของตลาดได้อย่างน่าสนใจ
ด้วยข้อจำกัดห้ามโฆษณาของการประกอบธุรกิจเวชภัณฑ์รักษาโรค กอปรกับการแข่งขันในตลาดของประเทศไทยที่มีสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเฉพาะ อาทิ แพทย์คลินิกและโรงพยาบาล ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับหากลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่เข้ามาใช้ เพียงหวังกระตุ้นสร้างรายได้เพิ่มไปพร้อมกับการสร้างแบรนด์ให้เกิดความจดจำ
สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อต่อยอดธุรกิจเรื่องนี้ ทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา กรรมการผู้จัดการของเอไซบอกว่า บริษัทมุ่งเน้นในเรื่องของการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย และยังมีนโยบายหลักในการเป็นสื่อกลางที่จะเชื่อมสายใยอันดีให้กับคนในครอบครัว โดยเน้นในเรื่องของการเป็นผู้นำเรื่องให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพ รวมถึงการให้คำปรึกษาอย่างถูกวิธี
จุดนี้เอง ผู้ประกอบการมองเป็นโอกาสและช่องว่างในการขยายตลาดได้อย่างมหาศาล หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันมารู้จักแบรนด์สินค้าและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีคุณภาพ จึงเป็นที่มาของการทำตลาดแนวใหม่แบบ 360 องศา ที่มีทั้งการประชาสัมพันธ์ จัดอีเวนต์มาร์เก็ตติ้งและส่งแคมเปญโปรโมชั่นเมื่อมีโอกาส นับเป็นยุทธวิธีที่ไอไซหยิบนำมาใช้
“เอไซ เลือกที่จะใช้การจัดอีเวนต์ในแถบภูมิภาคสำคัญต่างๆของประเทศไทยเพื่อให้เกิดกิจกรรมร่วมกันระหว่าง แพทย์,โรงพยาบาล และกลุ่มเป้าหมาย” ทวีศักดิ์ กล่าว
ยุทธวิธีนี้ดูจะสร้างความพึงพอใจให้กับธุรกิจเวชภัณฑ์อย่างเอไซได้ดีทีเดียว นอกจากจะเป็นการเข้าถึงตลาดตรงกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังเป็นการสร้างความจดจำแบรนด์ต่อกลุ่มเป้าหมายในทางอ้อมอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ค่ายเอไซ มีการจัดกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพถึง 4 ภาคอย่างต่อเนื่องในหัวเมืองหลักๆของประเทศไทย ล่าสุดในปีนี้หยิบเอาโครงการ “เอไซสัญจรคืนความรู้สู่ประชาชน” มาใช้อีกครั้ง
แม้ว่าการรุกตลาดแนวใหม่ของค่าย “เอไซ” จะร้อนแรงก็ตาม แต่กลุ่มของ “ไฟเซอร์” ก็มีแผนงานสำคัญในการขยายฐานหรือกระตุ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีทิศทางการทำตลาดในรูปแบบใหม่ๆเช่นกัน
มนู สว่างแจ้ง ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้คิดค้นแคมเปญใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของการรักษ์และดูแลสุขภาพไปพร้อมกับทำโปรโมชั่นในลักษณะร่วมกิจกรรมซึ่งมีการตั้งรางวัลสร้างแรงกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์ของไฟเซอร์มากขึ้น
“โมเดลการตลาดแนวใหม่ จำเป็นต้องสร้างการรับรู้และตอกย้ำจิตสำนึกถึงความเอาใจใส่ดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกันก็คาดหวังว่าน่าจะก่อให้เกิดผลสำเร็จในแง่ของภาพลักษณ์แบรนด์ไปพร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกลุ่มเป้าหมายโดยตรงเช่นกัน” มนู กล่าว
การหยิบเอาเรื่องสุขภาพของคนมาปรับใช้เป็นยุทธวิธีในการทำตลาดแนวใหม่ของกลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรคครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโหมกิจกรรม และไอเดียแปลกใหม่ผ่านอีเวนต์มาร์เกตติ้งเป็นอีกตัวแปรที่จะ “ขับเคลื่อน” ให้โลกธุรกิจเวชภัณฑ์รักษาโรคสามารถ “เดินหน้า” รอดพ้นไปได้จากพิษทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยคนในแวดวงธุรกิจเวชภัณฑ์รักษาโรคยังเชื่อว่าแม้ตลาดจะมีการชะลอลงไปบ้าง แต่จากการงัดกลยุทธ์ใหม่ๆออกมาใช้ กอปรกับพฤติกรรมของคนไทยเกี่ยวกับความเอาใจใส่ดูแลด้านสุขภาพมีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนต่อปีของธุรกิจเวชภัณฑ์ฯมีไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท และเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายของกลุ่มเซกเมนต์ต่างๆขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้ในเรื่องของเวชภัณฑ์รักษาโรคแล้วยังได้รับข้อมูลที่เป็นจริงโดยตรงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อเป็นการป้องกันรักษาอาการเริ่มแรกของโรคต่างๆได้อย่างทันท่วงที...สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการรุกตลาดแนวใหม่ สร้างความร้อนแรงให้กับกลุ่มเวชภัณฑ์รักษาโรคของแต่ละค่าย ซึ่งต่างหยิบนำกลยุทธ์นี้มาสร้างสีสันเปิดตลาดช่วง 2 ไตรมาสของปี 2550
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|