"บิ๊กเอพี"ยันบ้านแนวราบยังขายได้ปี51ผุดทาวน์เฮาส์60%รักษาแชมป์


ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

"อนุพงษ์ อัศวโภคิน "ยันบ้านแนวราบยังขายได้ แต่รายใหญ่ครองตลาด ล่าสุดซื้อที่ดิน 22 ไร่ย่านถนนตากสินเตรียมผุดทาวเฮาน์ราคา 4 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนปีหน้าซื้อที่ดินพัฒนาทาวน์เฮาส์แล้ว 4 โครงการ ส่วนคอนโดฯ อย่างน้อย 2 โครงการ คงสัดส่วนพัฒนาทาวน์เฮาส์ 60% คอนโดฯ 40% ระบุต้องการรักษาแชมป์ผู้นำทาวน์เฮาส์กลางเมือง พร้อมยกเครื่องทาวน์เฮาส์ใหม่ ปรับแบบสไตล์โมเดิร์นแทนสไตล์ยุโรป ส่งอวดโฉมโครงการแรกที่ “บ้านกลางเมือง กรุงเทพกรีฑา”

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ จนเกิดกระแสข่าวโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบของผู้ประกอบการชะลอตัวอย่างน่าตกใจ ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่าไม่เกิดกับทุกบริษัท เพราะพิจารณาได้จากการขายบ้านของบริษัทฯและผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายราย ยังมีอัตราการขายเป็นปกติ ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทฯขายโครงการในแนวราบได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายรายถือว่ายังมีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าจะไม่ดีเท่ากับช่วงที่เศรษฐกิจดีก็ตาม ส่วนที่ชะลอตัวเชื่อว่าจะเกิดกับผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก หรือในรายที่มีสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

เชื่อว่านับต่อจากไปตลาดอสังหาฯ จะเป็นของรายใหญ่และรายเล็ก เนื่องจากการทำตลาดในธุรกิจอสังหาฯ จะใช้วิธีขายแบบชอปปิงมอลล์ ทำการตลาดในคราวเดียว ซึ่งต้องมีสินค้าที่หลากหลาย ต้องมีพันธมิตรธุรกิจ อาทิเช่น ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสถานบันการเงิน ร่วมกันเป็นแพ็คเกจ ในส่วนนี้จะทำให้รายกลางเสียเปรียบ เพราะไม่มีสินค้าที่หลากหลายเท่า อีกทั้งลูกค้ายังให้ความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่า ส่วนรายเล็กจะไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะทำการตลาดเฉพาะในย่านที่สินค้าตั้งอยู่เท่านั้น

“ตลาดต่อจากนี้เป็นตลาดเป็นของรายใหญ่ที่แข่งขันกันในตลาด ผลดีจะตกแก่ผู้บริโภค เพราะทุกคนต่างต้องการขึ้นเป็นผู้นำตลาด ไม่มีใครจับมือกันเพื่อฮั้วราคากันแน่นอน เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าที่จะสร้างสินค้าที่มีราคาสูงต่างจากคู่แข่ง แถมยังต้องมาแข่กันที่คุณภาพ บริการหลังการขายอีก”

ด้านนายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ฯ กล่าวว่า บริษัทยังคงสัดส่วนการพัฒนาโครงการในแนวราบไว้ที่ 60% และแนวสูง 40% เนื่องจากต้องสร้างสินค้าขึ้นมาทดแทนสินค้าเก่าที่ขายหมดไป อีกทั้งโครงการในแนวราบยังสามารถรับรู้รายได้เร็ว ทำให้มีรายได้เข้ามาบริษัทอย่างต่อเนื่อง ต่างจากโครงการในแนวสูง ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในอีก 1-2 ปี หลังจากขายเสร็จ นอกจากนี้ยังต้องการรักษาความเป็นผู้นำตลาดทาวน์เฮาส์กลางเมืองไว้ด้วย

โดยในปีนี้ เอพีจะปิดการขายโครงการทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ ในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ เป็นทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และในปีหน้ามีแผนที่จะเปิดโครงการอย่างร้อย 6 โครงการ ปัจจุบันได้ซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว 6 แปลง เป็นทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ และคอนโดฯอย่างน้อย 2 โครงการ ล่าสุดได้ซื้อที่ดินย่านตากสิน ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าตากสินเพียง 300 เมตร จำนวน 22 ไร่ ในราคา 38,000 บาท/ตร.ว. เพื่อพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาท จำนวน 211 ยูนิต มูลค่า 850 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 3 / 2551

นายภูมิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เอพีอยู่ระหว่างออกแบบทาวน์เฮาส์สไตล์ใหม่ หลังจากที่นำรูปแบบของยุโรปมาใช้ทำตลาดหลายปี โดยทาวน์เฮาส์รูปแบบใหม่นี้จะเป็นสไตล์โมเดิร์นมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ปัจจุบันยังไม่ได้ตั้งชื่อ โดยจะใส่ชื่อเข้าไปหลังชื่อ “บ้านกลางเมือง” และ “บ้านกลางกรุง” ทาวน์เฮาส์รูปแบบใหม่นี้จะเริ่มนำมาทำตลาดในโครงการบ้านกลางเมือง กรุงเทพกรีฑา ซึ่งจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.