|
กลต.ขอวงเงินเพิ่มแสนล้านลุยลงทุนตปท.
ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ก.ล.ต. สนองรัฐแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ถกร่วมตัวแทน"ตลท.-ธปท.สศค.-สมาคมบล.-สมาคมบลจ." หาแนวทางหนุนนักลงทุนไทยลุยต่างประเทศ เล็งขอแบงก์ชาติเพิ่มวงเงินลงทุนตปท.จาก 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท พร้อมดึงสินค้าตราสารในตปท.มาซื้อขายในประเทศคาดประชุมสรุปอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่เสนอปรับหลักเกณฑ์ออกบาทบอนด์ให้คล่องตัวมากขึ้น ด้าน“พาณิชย์”ไฟเขียวธุรกิจประกันชีวิตเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนต่างประเทศเป็น 8.5% ของทรัพย์สิน มั่นใจช่วยให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพขึ้นแน่
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่าวานนี้ (23 ก.ค.) ก.ล.ต. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เพื่อร่วมหารือแนวทางส่งเสริมการลงทุนของผู้ลงทุนไทยไปต่างประเทศ โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าระเบียบต่างๆ สามารถปรับให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้สนใจไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะขอให้ ธปท.เพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศจากเดิม 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3,200 ล้านบาท หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท (เทียบอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์เท่ากับ 34 บาท) เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่จะเกิดขึ้น ขณะที่ที่ประชุมขอให้ก.ล.ต.มีความยืดหยุ่นในการใช้วงเงิน เพื่อให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยวงเงินดังกล่าวจะใช้เพื่อสนับสนุนการนำตราสารทางการเงินใหม่ ๆ ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายใน ตลท. เช่น ใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ (Transferable Custody Rrcipt : TCR) และ ETF ต่างประเทศ (Exchange Traded Fund) โดยในเรื่องดังกล่าวก.ล.ต.จะพิจารณาความเหมาะสมและเสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะขอพิจาณาจัดสรรวงเงินที่ได้รับจากธปท. ให้ผู้ลงทุนในขอบเขตที่กว้างขึ้น โดยให้ครอบคลุมถึงผู้ลงทุนประเภทผู้ลงทุนประเภทกองทุนส่วนบุคคลและมูลนิธิต่างๆ ที่สนใจที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับการอนุญาตให้ต่างประเทศออกตราสารหนี้สกุลเงินบาท (Bath Bond) ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันทำได้พอสมควรอยู่แล้ว ที่ประชุมเห็นว่า ควรเสนอสำนักบริหารหนี้สาธารณะพิจารณาแนวทางที่อาจจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีความคล่องตัวมากขึ้นต่อไป
ขณะที่ในส่วนของตลท.ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณานำตราสารประเภท ETF ที่อ้างอิง SET 50 ซื้อขายในตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะนำตราสารดังกล่าวไปจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ (Cross listing) และจะนำเรื่องนี้มาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่ โดยมีเป้าหมายที่จะนำตราสารประเภทนี้ออกซื้อขายในตลาดภายในปี 2550
ประกันไฟเขียวลุยตปท.เพิ่ม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย กล่าวว่า กรมการประกันภัยได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว เห็นควรสนับสนุนให้ภาคธุรกิจประกันชีวิตสามารถเพิ่มวงเงินสำรองประกันภัยออกไปลงทุนในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 8.5% ของทรัพย์สินของแต่ละบริษัท ซึ่งจะทำให้มีผลต่อการทำค่าเงินบาทให้เสถียรมากขึ้น
ทั้งนี้ การสนับสนุนให้ลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวมี 2 ลักษณะ คือ การเพิ่มชนิดตราสารการลงทุนจากเดิมอนุญาตเฉพาะตราสารประเภทพันธบัตรและหุ้นกู้ ขณะนี้จะขยายขอบเขตให้รวมถึงกองทุนรวมและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีสภาพคล่องดีและมีขนาดใหญ่ ลักษณะที่สอง คือ การเพิ่มวงเงินการอนุญาต โดยกรมการประกันภัยจะเพิ่มวงเงินให้แก่บริษัทประกันชีวิตที่มีความพร้อมที่จะลงทุนในต่างประเทศได้เพิ่มวงเงินมากขึ้น ในส่วนของบริษัทที่ไม่มีความชำนาญในการออกไปลงทุนในต่างประเทศด้วยตนเอง อาจเลือกใช้บริการบริษัทจัดการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเงินลงทุนให้
ขณะนี้กรมการประกันภัยกำลังเปิดรับคำขออนุญาตในการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม คาดว่า ที่สุดแล้วจะอนุญาตให้บริษัทลงทุนเพิ่มได้อีก 12,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 56,000 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|