|

ตลาดหุ้นไทยพุ่ง12จุดเย้ย"ม็อบแม้ว"
ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
นักลงทุนต่างชาติไล่เก็บหุ้นแบงก์-พลังงานไม่หยุด เย้ย"ม็อบไข่แม้ว" ทำสุดเถื่อนใช้กำลังปะทะตำรวจ ดัชนีหุ้นพุ่ง 12 จุดทะลุ 860 จุดเป็นครั้งแรกแม้ช่วงเช้าเปิดตลาดจะวูบกว่า 10 จุด โบรกฯแนะจับตามาตรการสกัดค่าเงินบาทแข็งที่จะเข้าที่ประชุมครม.วันนี้ หากไม่มีอะไรพลิกแพลงหุ้นน่าจะขึ้นได้ต่อ เชื่อการประท้วงที่รุนแรงไม่กระทบความมั่นใจของนักลงทุน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (23 ก.ค.) ในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 10 จุดหลังนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่รุนแรงขึ้นช่วงคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาไล่เก็บหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน -ธนาคารอีกครั้งจนส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 862.62 จุด เพิ่มขึ้น 12.08 จุด หรือ 1.42% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน ขณะที่จุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 840.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,194.50 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,159.16 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 422.51 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,736.65 ล้านบาท โดยยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.29 แสนล้านบาท
แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ว่าวานนี้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญปัจจัยลบหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในประเทศการใช้ความรุนแรงประท้วงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปัตย์ขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่เคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้าบ้านประธานองคมนตรีจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังสลายการชุมนุม รวมถึงหรือปัจจัยจากต่างประเทศหลังตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเกือบ 150 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นนิเกอิที่ญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเกือบ 200 จุด แต่นักลงทุนต่างชาติซึ่งลงทุนระยะยาวยังไม่กังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก
ทั้งนี้ มีความเป็นได้ว่าน้ำหนักของประเด็นที่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อนักลงทุนต่างชาติ คือ ผลการประชุมของคณะมนตรีในวันนี้ถึงมาตรการที่จะใช้เพื่อบรรเทาการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทซึ่งจะมีการประชุมเพื่อสรุปเป็นมติคณะรัฐมนตรีในวันนี้ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่มีข่าวปรากฎในสื่ออาจจะเป็นประเด็นในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ
"นักลงทุนกลุ่มหนึ่งคงกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติซึ่งอยู่ไกลข้อมูลกว่าไม่กังวลต่อเรื่องดังกล่าวมากนักเพราะยังมีความเชื่อในระดับยาวว่าตลาดหุ้นไทยนยังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก"แหล่งข่าวกล่าว
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ รวมถึงปัจจัยลบจากต่างประเทศในช่วงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยลบเพียงระยะสั้นเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจีน มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย และปัญหาการชุมนุมต่างๆ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก
ทั้งนี้ในระยะยาวนักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 900-1,000 จุด เนื่องจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ปัจจัยลบในระยะสั้นนี้ไม่สามารถที่จะลบล้างปัจจัยบวกในระยะยาวได้ โดยแม้ว่าจะมีการประท้วงรุนแรงเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแต่ตำรวจก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวน่าจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งให้เกิดขึ้นภายในปลายปีนี้”นายกวีกล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนโดยประเมินแนวต้านที่ 865 จุด และแนวรับที่ 840 จุด
นายฉัตรชัย กิจธิคุณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.สินเอเซีย กล่าวว่า มุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 870 จุด เนื่องจากหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ เช่นหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจากกรณีการควบรวมระหว่าง RRC และ ATC ซึ่งจะทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ระดับ 855 จุด
นางสาวอาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะบริษัท โรงกลั่นนำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC และบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ATC ที่มีการประกาศควบรวมกิจการ ทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นและแนวโน้มระยะยาวก็น่าจะเกิดต่อทางธุรกิจ
"วันนี้พลังงานตัวนำตลาดขึ้น ส่วนเรื่องมาตรการของแบงก์ชาติ 6 มาตรการที่นายกเห็นชอบที่จะเอาเข้าพิจารณาครม.วันนี้ คงไม่สร้างความวิตกให้ตลาดเพราะทั้งหมดนี้ได้มีการพูดถึงมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้คาดว่าในระยะสั้นแนวโน้มดัชนีน่าจะยังแกว่งตัวเพราะนักลงทุนอาจจะรอเรื่องของมาตรการให้ชัดเจน ส่วนแนวโน้มตลอดสัปดาห์ยังน่าจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง " นางสาวอาภาพรกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|