|
รับสร้างบ้านเร่งดูดลูกค้าจัดสรร
ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯธอส. ระบุ บ้านสร้างเองโตแซงบ้านจัดสรร เผยครึ่งแรกของปี50 ตัวเลขบ้านสร้างเองแตะ 6,046 หน่วย ขณะยอดบ้านจัดสรรมีเพียง 2,964 กว่าหน่วย จากจำนวนการพัฒนาบ้านเดี่ยวรวม9,018 หน่วย เตือนรับสร้างบ้านคุมต้นทุนรักษามากำไร หลังดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างรวมปรับตัวขึ้น1.8% ด้านสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ฮึดสู้กระแสการเมือง-เศรษฐกิจซบ จัดงาน”มหกรรมรับสร้างบ้าน พร้อมขนโปรโมชันเร่งตัดสินใจลูกค้าตั้งเป้ายอดขายในงาน 1,000 ล้านบาท แจงครึ่งปีแรกยอดขายตลาดรวมตกเป้า 10%
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า ตลาดรับสร้างบ้านยังชะลอตัวต่อเนื่องจากปลายปี2549จนถึงครึ่งปีแรกของปี2550 เนื่องจากปัญหาทางการเมือง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง มีผลต่อความเชื่อมั่นของการตัดสินใจของกลุ่มลูกค้า แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง แต่เริ่มมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ล่าสุด ขยับตัวขึ้นไปเกือบแตะระดับที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่มาก
นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษทั โฟร์พัฒนา จำกัด กล่าวว่า จากปัจจัยลบดังกล่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ช่วง6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประการธุรกิจรับสร้างบ้านพยายามปรับธุรกิจรองรับความผันผวนของตลาดที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จากการปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่อยู่ในสมาคมฯ พบว่า ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีประมาณ 10%
“สถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าค่อนข้าชัดเจน โดยสังเกตได้จากการชะลอใช้จ่ายของผู้บริโภค ทั้งในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค หรือแม้แต่สินค้าขนาดใหญ่ที่มีราคาขายที่สูง อาทิ รถยนต์ มีอัตราการชะลอตัวลงกว่า30% เช่นเดียวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และการสร้างบ้านเอง มีอัตราการชะลอตัวลงกว่า 10%”
ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจัยบวกด้านดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การปรับลดลงของดอกเบี้ยในระดับ 0.25%- 0.5% นั้น ไม่ได้กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดได้เท่าที่ควร เนื่องจากปัจจัยลบหลักๆ อย่างภาวะการเมือง และเศรษฐกิจ มีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและไม่มั่นใจจากความไม่แน่นอนของระดับรายได้ของตนเองในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตลาดรับสร้างบ้านจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ตนเชื่อว่าในปีนี้ยอดขายของธุรกิจรับสร้างบ้านจะยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้คือ 8,000 ล้านบาท เพราะช่วง6 เดือนแรกที่ผ่านมา ยอดรวมของเป้ารายได้ที่วางไว้ต่ำกว่าเป้าไปเพียง 10% เท่านั้น ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ภาวะต่างๆ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากความชัดเจนด้านการเมือง ประกอบกับในช่วงปลายปี เป็นฤดูกาลขายของผู้ประกอบการอสังหาฯและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านด้วย ดังนั้น มูลค่ารวมของตลาดรับสร้างบ้านที่ 8,000ล้านบาทเป็นไปได้ โดยในส่วนของกลุ่มบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด ปัจจุบันมียอดขายแล้วเกือบ 250ล้านบาท จากมูลค่ารวมทั้งปี 500 ล้านบาท
“สำหรับเป้าขายในปี2550นี้ เดิมทีในช่วงที่ตนเป็นนายกสมาคมฯ กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและทางสมาคมฯ ตั้งเป้าว่าจะช่วยกันผลักดันมูลค่ารวมในตลาดรับสร้างบ้านโตขึ้นไปถึงหมื่นล้านบาทในปี50 แต่ที่ผ่านมาการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ มีผลกระทบต่อตลาดมาโดยตลอด แต่สมาคมฯก็ยังสามารถผลักดันให้มีการเติบโตมาได้ถึง 8,000 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะทำได้”
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลตัวเลขการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มการขยายตัวของบ้านสร้างเอง เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านจัดสรรที่ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรสร้างขายในตลาด นับว่ามีอัตราการเติบโตสูงกว่าบ้านจัดสรรมาโดยตลอด โดยในปี 2549 ที่ผ่านมา ตลาดรวมอสังหาฯประเภทบ้านเดี่ยว มีจำนวนการพัฒนาทั้งสิ้น 42,679 หน่วย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 17,000 กว่าหน่วย และเป็นบ้านสร้างเอง 26,000 กว่าหน่วย และในช่วงไตรมาสแรกปี 2550 จำนวนการพัฒนาบ้านเดี่ยวในตลาดรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 9,018 หน่วย แบ่งเป็นบ้านสร้างเอง 6,046 หน่วย และเป็นบ้านจัดสรร 2,964 หน่วย จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการสร้างบ้านเองมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่ต้องระวังจากนี้ไปคือ การปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจากต้นปีที่ผ่านมาวัสดุก่อสร้างทุกประเภทปรับขึ้นทั้งหมด โดยในช่วงไตรมาสแรก ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างรวมอยู่ที่ระดับ 132.7 แต่ในไตรมาสรที่2 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 135 หรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.8% ในขณะที่ดัชนีวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับตัวสูงสุดคือ สินค้าประเภทเหล็ก และผลิตภัณฑ์จากเหล็กซึ่งมีการปรับตัวขึ้น 4.1% โดยไตรมาสแรกดัชนีรวมของเหล็กอยู่ที่ 169.8 บาท แต่ไตรมาส2ขยับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 176.7 บาท การปรับตัวของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างนี้ จะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและกำไรของผู้ประกอบการ
ด้านนางสาว ศุภิชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด ในฐานะกรรมการจัดงาน"รับสร้างบ้าน 2007 " กล่าวว่า งานจะจัดขึ้นระหว่าง 15-19 ส.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเข้าร่วมงานกว่า 50 บริษัท ธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธนาคารพาณิชย์เข้าร่วม โดยการจัดงานครั้งนี้ จะมีการจับรางวัลพิเศษ มอบส่วนลด 1 ล้านบาทสำหรับลูกค้าที่เข้ามาร่วมงานและจองปลูกบ้านในงานกับผู้ประกอบการที่มาออกบูท โดยทุกๆ 1ล้านบาทจะได้คูปอง 1ใบ ผู้ที่โชคดีจับรางวัลพิเศษได้จะได้รับส่วนลด1 ล้านบาท และกิจกรรมสร้างบ้านราคาพิเศษ 21 แบบ โดยจะมีบ้านตั้งแต่ราคา 1.99-8.9ล้านบาทเข้าร่วมจัดรายการ โดยผู้จะมีสิทธ์สร้างบ้านราคาพิเศษ จะต้องลงทะเบียนและเสียค่าจองสร้างบ้าน 30,000 บาท เพื่อรับคูปองจับสลาก หากโชคดีก็จะได้สร้างบ้านจากแบบบ้าน21 แบบที่ร่วมงานในราคาลดพิเศษ ส่วนผู้ที่จับรางวัลไม่ได้ก็สามารถนำคูปองมารับเงินจองคืนได้ในงานวันที่ 19 ส.ค.
โดยการจัดงานครั้งนี้ สมาคมฯตั้งเป้ายอดขายในงานกว่า1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2549 ประมาณ 200ล้านบาท ขณะที่การจัดงานในปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1,200 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 800 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|