"ผมไม่ชอบให้สัมภาษณ์เพราะผมไม่อยากให้คนรู้จักผม ผมอยู่อย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว
ผมยินดีที่จะเริ่มต้นแบบเงียบๆ จนกว่าสิ่งที่ผมทำจะประสบผลสำเร็จ"
พีรานาถ โชควัฒนา อายุ 29 ปี เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน
ของบุญเอก โชควัฒนา ลูกชายคนโตของ ดร.เทียม และคุณนายสายพิณ โชควัฒนา พีรานาถนับว่าเป็นหลานคนโตในจำนวนหลานทั้งหมดของนายห้างเทียมที่มีอยู่
17 คน ซึ่งทั้งหมดกำลังเติบโตขึ้นมาเพื่อรองรับธุรกิจในเครือสหกรุ๊ปที่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในฐานะของทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล "โชควัฒนา"
พีรนาถ เรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาโททางด้านวิศวเคมีที่
CALIFORNIA INSTITUTE OF TECHNOLOGY สหรัฐอเมริกา หลังจากกลับมาเข้าศึกษาตอปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในระหว่างที่เรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจ พีรนาทได้เรียนรู้งานไปพร้อมๆ
กันด้วยการเข้าทำงานในบริษัท บริหารสากล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการจัดการของโชติ
โสภณพนิช ในขณะเดียวกันก็ช่วยงานของพ่อ (บุญเอก) ในบริษัท ซัน คัลเล่อร์
จำกัดและ บริษัท บุญรวี จำกัด โดยเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทฯช่วยดูแลงานทางด้านบัญชีกับคอมพิวเตอร์
หลังจากที่ทำอยู่กับบริหารสากลได้ 2-3 ปี พีรนาถก็ออกมาเรียนรู้งานที่บริษัทอินเตอร์
เนชั่นแนล คอสเมติกส์ หรือ ICC ซึ่งเป็นบริษํทในเครือสหพัฒนในตำแหน่งพนักงานคนหนึ่ง
โดยช่วยดูแลโครงการใหม่ๆของบริษัทที่จะมีเข้ามา
และหนึ่งในโครงการพีรนาถได้รับมอบหมายจากบุญสิทธ์ผู้เป็นอาให้สานงานต่อ
คือ การทำธุรกิจร้านอาหาร "ฟูจิย่า" ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณชั้นที่
1 ของห้างสรรพสินค้าเยาฮัน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่บุญสิทธิ์เป็นผู้ริเริ่มขึ้นโดยมีการเจรจาที่จะร่วมลงทุนกันกับฟูจิย่าญี่ปุ่นเมื่อ
2 ปี ที่ผ่านมา จนกระทั่งเพิ่งมีการเซ็นสัญญากันอย่างจริงจังเมื่อวันที่
4 ตุลาคม 2533
ฟูจิย่าได้เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2453 จนถึงปีนี้ก็ 81 ปี แล้วโดยเริ่มจากการเป็นร้านขนมเค้กและร้านจำพวก
COFFEE SHOP ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้นได้เปิดร้านขนมเค้กและร้านอาหารตามเมืองใหญ่ๆ
ของญี่ปุ่นและจากปี 2495 เป็นต้นมาก็ได้เริ่มทำกิจการเกี่ยวกับลูกกวาด ช็อกโกแลตและบิสกิต
นอกจากนี้ในปี 2505 ก็ได้เริ่มขยายกิจการของขนมเค้กและร้านอาหารเป็นแบบ FRANCHING
SYSTEM โดยเริ่มในญี่ปุ่นก่อน
ปัจจุบันฟูจิย่าทำยอดขายได้ถึงว 1,280 ล้านเยน ต่อปี ยอดขายดังกล่าวนี้มาจากร้านของฟูจิย่าเองและจากการส่งไปขายในร้านต่างๆ
เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างละ 50% ฟูจิย่ามีร้านขายขนมเค้ก 1,000 ร้านและร้านอาหาร
250 ร้าน นอกจากนั้นเป็นพวก BASKIN ROBBINS ไอศกรีม NESTLE MACKINTOSH HARSHEY
JAPAN และมีร้านขายฝากอื่นๆ อีกในต่างประเทศนั้นนอกจากมีร้านอาหารประเภท
STEAK ที่อเมริกา ชื่อ FUJISAN U.S.A แล้วยังมีลูกกวาดและว็อกโกแลตขายด้วย
สำหรับการเข้ามาในเมืองไทยด้วยการร่วมทุนกับสหกรุ๊ป เป็นโครงการแรกของการขยายตลาดในต่างประเทศของฟูจิย่าในรูปแบบของการลงทุนร่วม
สิ่งแรกที่พีรนาถดำเนินการหลังจากที่ได้รับมอบหมายให้สานงานต่อ คือ การจัดตั้งบริษัท
ไทยฟูจิย่า จำกัด ขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ฟฟผ่านมาด้วยทุนจดทะเบียน 35
ล้านบาท โดยสหกรุ๊ปถือหุ้น 51% และฟูจิย่า ถือหุ้นที่เหลือ 49% ในขณะที่กำหนดการเปิด
SOFT OPENING ของห้างสรรถสินค้าเยาฮัน คือ วันที่ 13 เมษายน 2534 เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้ร้านฟูจิย่าเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับพีรนาถ
ถึงแม้ว่าวันนี้ร้านฟูจิย่าจะเปิดให้บริการแล้วแต่ยังไม่เป็นดังที่พีรนาถคาดหวัง
การปรับปรุงยังคงมีอยู่ตลอดเวลา
"ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับเรา ในขณะที่เวลาเตรียมตัวก็น้อยมาก
ปัญหาต่างๆ มีเข้ามามากไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลากรที่จะเข้ามา หรือรสชาติอาหาร
ซึ่งคนของสหพัฒนเองไม่มีความรู้ด้านรสชาติหรือสูตรอาหาร ในขณะที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่เคยรู้ว่าคนไทยชอบอาหารแบบไหน
คงต้องสังเกตจากที่นี่ว่าเป็นอย่างไรและค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป" พีรนาถกล่าวในฐานะของกรรมการรองผู้จัดการบริษัทไทยฟูจิย่า
ซึ่งถ้าหากจะดูจากวิชาที่ร่ำเรียนมาแล้ว พีรนาถน่าจะรับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับโรงงานมากกว่า
ในขณะที่พีรนาถเองมีแนวความคิดของตนเองแบบลึกๆ ที่อยากจะทำงานด้านการเงิน
ซึ่งเป็นความรู้สึกส่วนตัวว่ามันน่าสนใจ พีรนาถบอกว่า "มันเป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้น
ซึ่งทำจริงๆ อาจไม่น่าสนใจก็ได้สำหรับผมให้ทำอะไรผมก็ทำตัวให้รู้สึกรักมัน
ชอบมันก็น่าสนใจไปเอง อย่างกรณ๊ของฟูจิย่ามีคนเอาโบชัวมาให้ผมดูมีแต่ขนมเค้ก
ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ชอบกินเค้ก อาหารก็ทำไม่เป็น ไม่เคยคิดจะทำแต่เมื่อต้องทำก็ทำตัวให้มาสนใจมัน
พยายามเข้าใจมันก็ทำได้"
การที่พีรนาถเป็นหลานคนแรกที่เกิดและเติบโตในบ้านเดียวกับนายห้างเทียม
ดังนั้นสิ่งที่ได้เรียนรู้และได้เห็นมาตลอดคือ ความขยัน ความสื่อสัตย์ ความรักที่นายห้างเทียมมีต่อพนักงาน
ความเป็นคนชอบศึกษาคิดทบทวนในสิ่งที่ได้ผ่านมาโดยเฉพาะลักษณะอย่างหนึ่งที่นายห้างเทียมมักจะปฏิบัติ
คือ การรู้อะไรมาแล้วมักจะเล่าให้คนอื่นฟัง ซึ่งพีรนาถถือว่าเป็นอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์มาก
เพราะยิ่งเล่ายิ่งจำมันได้และเข้าใจมันดีขึ้นซึ่งตนเองเคยนำวิธีการนี้ไปทดลองใช้ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ
และในฐานะที่เป็นหลานคนโตของทายาทรุ่นที่ 3ที่ในอนาคตจะต้องสืบทอดธุรกิจต่อจากทายาทรุ่นที่
2 ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้กันในตระกูลโชควัฒนาก็ตาม
แต่การที่พีรนาถได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของสหกรุ๊ปในการเข้าบริหารงานในไทยฟูจิย่า
น่าเป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีถึงการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบงานที่มากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ซึ่งพีรนาถเองก็ยอมรับว่าการทำร้านอาหารฟูจิย่าเป็นการจับงานแบบเต็มตัว ในขณะที่แต่เดิมเพียงแค่เข้าไปช่วยงานบางเรื่องในบางบริษัทในเครือเท่านั้น
และสำหรับร้านฟูจิย่าที่ไม่เพียงแต่เป็นที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ ในการทำงานให้กับพีรนาถเท่านั้น
ยังเป็นที่ฝึกฝนประสบการณ์ให้กับบรรดาทายาทรุ่นที่ 3 ของนายห้างเทียมซึ่งยังไม่พ้นวัยเรียนอีกหลายคนในตำแหน่งพนักงานเสริฟโดยมีปณิธานและประวรา
ปวโรฬารวิทยา (ลูกของสิรินา โชควัฒนา) ชัยลดล และชัยลดา โชควัฒนา (ลูกของบุญชัย)
กิติยาภรณ์ โชควัฒนา (ลูกของบุญเกียรติ) และทิวาลักษณ์ โชควัฒนา (ลูกของบุญเอก)
บทบาทของทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลโชควัฒนาได้เริ่มขึ้นแล้ว!