|
5บิ๊กคอนโดฯยึดย่านสาทร
ผู้จัดการรายวัน(20 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บิ๊กจัดสรรระเบิดศึกคอนโดฯย่านสาทร แห่เปิดโครงการมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท “ฮาริสัน” ระบุซัปพลายมากกว่าดีมานด์ ในขณะที่ราคาสูงเกินไป หวั่นผู้บริโภครับไม่ได้ ขณะที่นายกสมาคมอาคารชุดไทย เชื่อปีนี้คอนโดจะโต 20% เตือนผู้ประกอบการระวังคอนโดฯโอเวอร์ย่านรัชดา ลาดพร้าวและปลายสุขุมวิท พร้อมขน 100 โครงการจัดงาน คอนโด เอ็กซ์โปร ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคม
นายกิตติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทฮาริสัน จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมว่า ในช่วงส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า สาทร-ตากสิน ห่างจากสถานี ในรัศมีไม่เกิน 300 เมตร ขณะนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 4-5 รายเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการคิดเป็นจำนวนยูนิตไม่ต่ำกว่า 2,500 ยูนิต มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ที.ซี.ซี แคปปิตอลแลนด์ จำกัด, บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ล่าสุดบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่นอกจากเปิดตัวในย่านนี้แล้วยังมีแผนจะเปิดอีก 1 โครงการย่านลาดพร้าวด้วยเช่นกัน รวมมูลค่าทั้ง 2 โครงการไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้ประกอบการเข้ามาเล่นในทำเลนี้มาก จะทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ราคาที่ผู้บริโภคซื้อก็จะสูงตามไปด้วย อาจก่อให้เกิดการชะลอตัวของความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ในอนาคตได้
“ย่านนี้มีการ แข่งขันที่รุนแรงแต่ดีมานด์มีน้อยกว่าที่ซัปพลายออกมา อีกทั้งยังมีการตั้งราคาขายที่สูงมากไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท/ตร.ม.ทำให้อัตราการขายอาจจะไม่หวือหวานัก ทั้งนี้ภาวะการแข่งดังกล่าวมีลักษระคล้ายกับทำเลเย่านรัชดาภิเษกและลาดพร้าวในปัจจุบัน ที่ขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่มีความเคลื่อนไหวในการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม”
สำหรับราคาซื้อขายที่ดินในย่านสาทร-ตากสิน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นหลายเท่าตัวจากตร.ว.ละ 80,000 บาท ปัจจุบันขายสูงสุดอยู่ที่ ตร.ว.ละ 300,000 บาท ซึ่งมีผู้ประกอบการหลายรายซื้อในราคาที่แตกต่างกันทำให้ความสามารถในการเสนอราคาขายแตกต่างกัน เช่น ที.ซี.ซี แคปปิตอลแลนด์ ซื้อในราคา 240,000 บาท/ต่อตร.ว., บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ซื้อในราคาไม่ถึง 100,000 บาท/ตร.ว. เนื่องจากซื้อทรัพย์สินรอการขาย(เอ็นพีเอ)จากสถาบันการเงิน ,บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ ซื้อในราคา 260,000 บาท/ตร.ว.และล่าสุดโครงการของบริษัทอนันดาฯ เข้ามาซื้อในราคา 220,000 บาท/ตร.ว. ทั้งนี้เชื่อว่า จุดขายการแข่งขันจะขึ้นอยู่โครงการใดจะอยู่ใกล้กับทางขึ้น-ลงของสถานีรถไฟฟ้ามากที่สุด
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวเชื่อว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% คาดภายในสิ้นปีจะมียอดจดทะเบียนที่ 25,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 10,000 ยูนิต แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมาก แต่ก็ยังไม่ดีเท่าในอดีต คือมีส่วนแบ่งการตลาดเพียงกว่า 20% ของอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตน่าจะปรับตัวดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว อาจจะทำให้มีการซื้อคอนโดฯเพื่อการลงทุนมากขึ้นจากที่ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 20% เพราะมีผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 7% สูงกว่าผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ส่วนกรณีที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ปี 2551 ระวังสินค้าล้นตลาด (โอเวอร์ซัปพลาย)นั้น ก็อาจจะเป็นไปได้หากเศรษฐกิจยังโตระดับนี้ โดยทำเลที่น่าจะมีสินค้าล้นตลาดนั้น จะอยู่ที่ทำเลมากกว่าคือ ย่านรัชดา สุขุมวิทช่วงปลาย และลาดพร้าว เพราะความต้องการมีเรื่อย ๆ แต่ผู้ประกอบการแห่เข้าไปพร้อม ๆ กันค่อนข้างมาก ดังนั้นผุ้ประกอบการควรค่อย ๆ ดูจังหวะในการพัฒนามากกว่าเฮโลเข้าไป
นายอธิป กล่าวว่า ต้องการเตือนผู้ประกอบการไม่ให้เฮโลเข้าไปทำตลาดที่มีการอิมตัวแล้ว ควรดูจังหวะและโอกาส หากทำเลใดมียอดขายช้าลงก็ไม่ควรเข้าไป ให้ดูต้นทุนการดำเนินการอย่าให้สูงเกินไป เพราะขณะนี้ยังไม่มั่นใจว่าปีหน้าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และอยากให้ผู้ประกอบการที่มีหนี้สินต่อทุน(D/E)ค่อนข้างสุงซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2-3 ราย นั้นก็ต้องระมัดระวังเรื่องสภาพคล่องด้วย โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ควรดูแลให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบได้ เพราะหากแบงก์ได้รับผลกระทบคนต่อมาที่ต้องเดือดร้อนคือผู้ถือหุ้นและลูกค้า ดังนั้นแบงก์ต้องระมัดระวัง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|