ครึ่งปีแรกจัดสรรกลาง-บนกระอักธารารมณ์รับยอดขายลดฮวบ30%


ผู้จัดการรายวัน(19 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เศรษฐกิจซบจัดสรรบ้านระดับกลางบนกระอักยอดขายวูบ ธารารมณ์ รับ 6 เดือนแรกขายได้แค่ 350 ล้านบาท จากปี 49 ทั้งปีขายได้ 1,000 ล้านบาท ลด 30% งัดกลยุทธ์จัดประมูลบ้านโครงการเนเบอร์โอม วัชรพล รับบ้านในสต๊อก 120 หลัง มูลค่าเกือบ 480 ล้านบาท พร้อมเปิดเฟสใหม่กระตุ้นยอดขาย ปลายปีเตรียมออกแบบบ้านใหม่ขนาดเล็กลง

นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาวการณ์ขายชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านถึง 80% จากจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ ทำให้ยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของบริษัททำได้เพียง 350 ล้านบาท จากที่ปี 2549 ทั้งปีมียอดขาย 1,000 ล้านบาท

“ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีปัจจัยลบมาก ทั้งยังมีข่าวร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อที่อยู่ในธุรกิจส่งออก ซึ่งโครงการของบริษัทย่านพระราม 2 ได้รับผลกระทบด้วยเพราะมีลุกค้าทำธุรกิจส่งออกถึง 30% ซึ่งไม่เกิดขึ้นเฉพาะธารารมณ์เท่านั้น แต่ผู้ประกอบการที่ทำบ้านระดับกลาง-บน กระทบเหมือนกันหมด”

ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกบ้านที่อยู่ระหว่างสร้างและสร้างแล้วเสร็จใน 4 โครงการจำนวน 120 ยูนิต มูลค่าประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสต๊อกปกติของบริษัท แต่เนื่องมีการขายช้า บริษัทจึงเตรียมที่จะนำการประมูลเข้ามาใช้ โดยเตรียมจัดประมูลบ้านในโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล เนื่องจากเป็นโครงการที่สาธารณูปโภคแล้วเสร็จ ซึ่งบ้านเดี่ยวที่นำมาประมูลนี้ มีตั้งแต่ขนาด 50- 91 ตารางวา จำนวน 49 หลัง ไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ จำนวน 29 หลัง จากราคาที่ขายอยู่ปกติ 3-6 ล้านบาท โดยการขายแบบประมูลนี้ จะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 ที่ห้องแพลตินัม 1 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัน โดยบริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการจัดการขายแบบประมูล

นายวสันต์กล่าวต่อว่า หากการประมูลครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะมีการดำเนินการในโครงการต่อไป แต่จะเป็นการนำยูนิตที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของโครงการ หรือเป็นยูนิตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการตรวจสอบราคาตลาดไปในตัว สำหรับสินค้าที่อยู่ในสต๊อก 120 ยูนิตนั้น เชื่อว่าจะสามารถระบายออกไปได้ประมาณ 80% ภายในปีนี้

“ การทำประมูลเป็นเพียงกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากการลดราคาหรือมีของแถมบางครั้งไม่ได้ช่วยสร้างยอดขาย เพราะลูกค้ายังคงต่อรองราคาลงไปอีก แต่ถ้าประมูลจะทำให้ลูกค้าเร่งการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นเพราะมีคู่แข่ง และยังขายบ้านได้ในราคาที่ลูกค้าต้องการอีกด้วย”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับแบบบ้านให้มีราคาถูกลง เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยการปรับขนาดบ้านเล็กลง แต่ประโยชน์การใช้สอย(ฟังก์ชั่น)ครบถ้วน และที่สำคัญคุณภาพเท่าเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบคาดว่าจะสามารถนำมาทำตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในการวิจัยหัวข้อ “ความเหมือนและต่างในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนเมือง โดยสำรวจใน 5 ทำเล ได้แก่ ย่านใจกลางธุรกิจ, โซนเหนือ ใต้, ตะวันออก และตะวันตก ซึ่งสำรวจจากประชาชนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 ขึ้นไป อายุ 30-45 ปี เป็นชาย 50% และหญิง 50%

โดยพบว่า แม้ว่าจะตลาดในปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองจนเกิดกระแส ซิตี้คอนโดฯขึ้น เพราะการเดินทางสะดวก แต่อย่างไรก็ตามในส่วนลึกๆของผู้บริโภคในทุกทำเล ยังคงต้องการบ้านเดี่ยว แต่เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก อีกทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ยังมีราคาแพง ซึ่งหากระบบขนส่งมวลชน ประเภทรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินขยายออกไปถึงชานเมือง จะทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ในย่านชานเมืองมากขึ้น

นอกจากนี้ พฤติกรรมการซื้อของคนในปัจจุบันยังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลเดิม ไม่ต้องการย้ายออกไปซื้อนอกทำเล อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับห้องนอนมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นห้องน้ำ และยังต้องการห้องจำนวนมากขึ้น ขณะที่ราคาถูกหรือสมเหตุสมผล รวมไปถึงต้องการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่อาศัย เพื่อสะดวกไม่ต้องมาออกแบบหรือซื้อหาในภายหลัง ทั้งนี้บริษัทจะนำความต้องการของผู้บริโภคที่ได้จากการสำรวจมาใช้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทต่อไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.