ธุรกิจแห่เร่งปรับโครงสร้างสู้วิกฤติครึ่งปีหลังTMAแนะแวลูแอด


Positioning Magazine(19 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

พิษการเมืองเรื้อรัง ส่งผลลบต่อธุรกิจ นายก ส. การจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ชี้ทางออกครึ่งปีหลัง เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการ กระตุ้นกำลังซื้อ ด้าน “มาร์เก็ตไว้ส์” เผย นักธุรกิจหวั่นภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ถึงปีหน้าเลวร้าย 52% จากฐาน 501 คน และ 18% จาก 1,000 บริษัทชั้นนำ ปีนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงแผนและการปรับโครงสร้างใหม่ ปูรากฐานสู้พิษเศรษฐกิจรุมเร้า

นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธาน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (ทีเอ็มเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในครึ่งปีหลังนี้ ยังคงไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีเรื่องของค่าเงินบาทแข็งตัว ที่มาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 1 ประการ ดังนั้นบริษัทต่างๆควรจะระมัดระวังการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารให้มากขึ้นอีก อีกทั้งต้องมีการวางแผนงานทั้งในรูปแบบระยะสั้นและระยะยาว รองรับสถานการณ์ต่างๆไว้ด้วย รวมถึงควรมุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้

ขณะเดียวกันเรื่องที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด ในครึ่งปีหลังนี้ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากำลังซื้อช่วงดังกล่าวจะลดลง ขณะเดียวกันลูกค้าเริ่มมีความต้องการที่แตกต่างกัน และมีเหตุผลในการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินค้า (Value add) จะเป็นสิ่งที่จะผลักดันให้เกิดการซื้อได้ดีที่สุด ณ เวลานั้น

นายปรีชา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากผลสำรวจของบริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด ที่ทางสมาคมฯได้ร่วมมือกัน พร้อมด้วยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีความเป็นเลิศ ของ งานในปีนี้ พบว่า มีตัวเลขถึง 18% จากจำนวนบริษัทชั้นนำกว่า 1,000 บริษัทในประเทศไทย ที่ร่วมสำรวจ แจ้งถึงสถานะทางบริษัทว่า กำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร และไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้บริหารได้นั้น ถือเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างรุนแรง เพราะมีบริษัทชั้นนำจำนวน 100 กว่าบริษัท ต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กร ให้ดำเนินการต่อไปได้ในสภาพเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ดีแบบนี้

นางสาวดารณี เจริญ รัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด กล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯยังสำรวจถึง มุมมองด้านธุรกิจของผู้บริหาร จากจำนวนผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น 501 คน ที่มีต่อภาพรวมธุรกิจไทยปี 2550-2551 พบว่า มีจำนวนถึง 52% ที่เลือกคำตอบว่า ค่อนข้างไม่ดี ซึ่งเป็นคำตอบที่เพิ่มสูงขึ้นจากข้อมูลสำรวจในปีที่ผ่านมา ที่มีเพียง 33% ขณะเดียวกันผู้บริหารกว่า 38% ยังเชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่บริหารอยู่นั้น จะไม่ค่อยดี เช่นเดียวกัน

“ผลสำรวจดังกล่าว เกิดจากผู้บริหารเหล่านี้ เชื่อว่าการเมือง คือปัจจัยหลักที่สำคัญ ในการดำเนินธุรกิจต่อไปมากที่สุด โดยกว่า 21% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุด เชื่อว่า ทิศทางธุรกิจในไทยขึ้นอยู่กับสถานการณ์/ ความมั่นคง/ ความโปร่งใสทางการเมือง รองลงมาคือ ธุรกิจมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น 19%”

นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าว จะนำมาใช้ในงาน “Thailand Corporate Excellence Day” ในวันพุธที่ 15 ส.ค. 2550 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ทางสมาคม การจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (ทีเอ็มเอ) ได้จัดขึ้นเป็นปีที่6 นี้ด้วย ในการเฟ้นหาองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีความเป็นเลิศใน 9 สาขา คือ

.การบริหารทางการเงิน 2.การให้ความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรบุคคล 3. การให้ความสำคัญต่อการสร้างนวัตรกรรม 4. การวางแผนการตลาด 5.การให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้าและบริการ 6.การให้ความสำคัญต่อสังคม 7.วิสัยทัศน์ของผุ้นำ 8.การให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน และ 9.การบริหารการจัดการธุรกิจโดยรวม

สำหรับรางวัลไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ รางวัล การบริหารการจัดการธุรกิจโดยรวม ซึ่งมีบริษัทที่เข้าชิง 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน), ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และอีก 2 บริษัท ที่มีความโดดเด่นมากในเรื่องการบริหารการจัดการช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.