พายุลูกย่อมฯ ที่ตั้งเค้าเอากับรัฐบาลพลันสงบไปได้ด้วย "น้ำใจ"
ของนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน ผู้ประกาศชัดออกมาว่า "สลัมนั้นไม่ใช่สิ่งน่าอาย"
เรื่องอย่างนี้คนพูดเป็นถึงบุรุษหมายเลข 1 ของประเทศแผนการที่รับบาลชุดที่แล้ววางไว้จะต้องจัดการโยกย้าย
"ชุมชนไผ่สิงโต" และ "ชุมชนดวงพิทักษ์" ออกให้พ้นจากบริเวรสถานที่ประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
จึงไม่จำเป็นต้องเป็นจริงอีกต่อไป
สถานการณ์แต่แรกที่ทำท่าจะไปกันใหญ่ ทั้งฝูงชนชาวบ้านและความรู้สึกต่อต้านของคนชั้นกลาง
ตลอดจนบรรยากาศตึงเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบกับบรรดาผู้นำชุมชนและนักพัฒนาจึงเป็นอันคลี่คลายลงพร้อม
ๆ กัน
ไม่มีใครคอยเฝ้าจับตามองใครหรือห้ามใครเคลื่อนไหวอีก แม้แต่ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ
รตยา จันทรเทียร ก็ยังยืนยันกัน "ผู้จัดการ" ว่าเรื่องย้ายสลัมนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอีกต่อไปแล้ว
จะย้ายกันเมื่อไรขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ย้ายเป็นสำคัญการเคหะฯ มีหน้าที่ก็คือเตรียมสถานที่รองรับไว้ให้พร้อม
ที่ต้องพร้อมนั้นก็เพราะว่า ถึงอย่างไร การย้ายสลัมทั้งสองแห่งนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ภายใต้เหตุผลใหม่ ไม่ใช่เรื่องของการรักษาหน้า แต่เป็นเรื่องความสวยงามของเมือง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ วาระที่ความสวยงามมาเยือนเมืองพายุที่สงบลงแล้วก็อาจจะก่อเค้าขึ้นมาใหม่ได้
โดยเฉพาะในส่วนของชุมชนไผ่สิงโตที่เสียงของสมาชิกค่อนข้างเป็นเอกภาพว่า "ไม่อยากย้าย"
ในขณะที่ชุมชนดวงพิทักษ์อาจจะมีเสียงแตกเป็น 2 ทางปริมาณใกล้เคียงกัน มีผู้อยากย้ายเพราะพอใจค่าตอบแทนอยู่มาก
แต่ก็คงต้องต่อรองกันยกใหญ่เกี่ยวกับเรื่องสถานที่รองรัง เนื่องจากพื้นที่ใน
"ชุมชนร่มเกล้า-ลาดกระบัง" ที่การเคหะฯ จัดให้กับชุมชนนี้ไม่น่าพิศมัยเท่ากับพื้นที่ในซอยอ่อนนุชที่จัดไว้สำหรับชุมชนไผ่สิงโต
ครอบครัวที่ตัดสินใจย้ายออกไปจะได้ค่าตอบแทนแทนจากทางการประมาณ 40,000
บาท แต่ก็ต้องแลกกับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้นจากการผ่อนส่งค่าที่อยู่ใหม่กับทางการเคหะ
ดูเหมือนพวกสลัมเหล่านี้จะไม่มีทางเลือกมากนักเพราะที่อยู่เก่าเป็นที่พวกขาเข้าไปบุกรุก