เคจีไอ เตือน ดัชนีหุ้นไทยเสี่ยงเหตุราคาพุ่งสวนทางกำไร บจ.หด


ผู้จัดการรายสัปดาห์(16 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เคจีไอ ประเมินระดับดัชนีปัจจุบันความเสี่ยงสูง บางส่วนสะท้อนราคาของปีหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ เหตุกำไร บจ.ปีนี้ลด3.5% แต่ราคาพุ่งสูงเกินทั้งที่ตามพื้นฐานควรอยู่ที่736 - 790 จุด ชี้จุดน่าหวาดเสียวอยู่ที่ค่าเงินบาทปัญหาหนักใจแบงก์ชาติ ส่วนปีหน้ามีแววสดใสกำไร บจ.โต8.3% คาดดัชนีไปได้ถึง 930 จุด

อดิศักดิ์ คำมูล ผุ้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 675-863 จุดคิดเป็น P/E 11-13 เท่า ทั้งนี้เป็นไปตามแรงผลักดันของเม็ดเงินต่างชาติ แต่การที่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงในปัจจุบันส่วนหนึ่งก็ได้สะท้อนราคาถึงปีหน้าไปพอสมควรแล้ว หากเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือเป็นความเสี่ยงมากพอสมควรเพราะราคาหุ้นได้ปรับขึ้นสูงมากแล้ว

อย่างไรก็ตามแม้การเข้าลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศจะเป็นปัจจัยบวกในระยะนี้ แต่ก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงด้วยกรณีที่ตลาดหุ้นจีนได้รับผลกระทบจากนโยบายทางการเงินของรัฐบาลจีน ที่จะทำให้เกิดการถอนการลงทุนออกจากภูมิภาคนี้

ขณะที่ปัจจัยลบในประเทศที่จะเกิดขึ้นและทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงไปทางกรอบล่างคือปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ค่าเงินบาท เงินทุนต่างชาติไหลออกและผลประกอบการต่ำกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าโดยเฉลี่ยปีนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยควรจะอยู่ที่ 736 - 790 จุด ซึ่งเป็นระดับเหมาะสมเมื่อเทียบกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปี 2550 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 3.5% มาอยู่ที่ 4.70 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มี 4.87 แสนล้านบาท และประเมินว่า จีดีพีจะอยู่ที่ 4% แต่หากมีการใช้จ่ายภาครัฐและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้จริง ก็คาดว่าจีดีพีจะปรับขึ้นมาเป็น 4.5%

สำหรับราคาน้ำมันดิบในปีนี้เฉลี่ยก็น่าจะสูงกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ย 67 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนด้านอัตราดอกเบี้ยก็อาจมีแนวโน้มลดลงได้อีก แต่คงไม่มากนัก

ส่วนอีกปัจจัยที่น่ากังวลก็คือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เนื่องจากการบริหารนโยบายการเงินของแบงก์ชาตินั้น ยังไม่ยอมที่จะให้ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดซึ่งถือว่าอันตรายและอาจจะนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจแบบเงียบ

"เข้าใจว่าแบงก์ชาติก็พยายามจะจัดการเรื่องการแข็งของค่าเงินบาทอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากมาก เพราะหากยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%เงินบาทก็อาจจะแข็งพอๆกับอัตราแลกเปลี่ยนออฟชอร์ที่ใกล้30บาท กระทบด้านตัวเลขการส่งออกซึ่งจะไปกระทบต่อจีดีพีอีกทอดหนึ่ง แต่หากไม่ยกเลิกก็ต้องฝืนธรรมชาติมีภาระต้องแทรกแซงไปเรื่อยๆ สำหรับโดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่าแบงก์ชาติคงไม่มีทางยกเลิกมาตรการกันสำรองง่ายๆตราบใดที่เห็นว่าผู้ประกอบการส่งออกไม่สามารถแข่งขันได้ด้วยตัวเอง"

ทางด้านดัชนีของปีหน้าคาดว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 930 จุด ภายใต้ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน 8.3% นำโดยกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะเติบโต 5.5% กลุ่มธนาคารเติบโต 21.3% กลุ่มสื่อสารเติบโต 11.1% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 5.1% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 5.1% โดยปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยยังเป็นเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเช่นเดียวกับปีนี้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่แนะนำให้ติดตามคืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งหากจีดีพีจีนในปีหน้าโตต่ำกว่า 10% จะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและกระทบต่อตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.