แชงกรี-ลาไทยซื้อหุ้น TYLFULL ฮ่องกง


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2534)



กลับสู่หน้าหลัก

สถานการณ์ที่ย่ำแย่ในภาคธุรกิจซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากสงครามอ่าวเปอร์เซียทำให้โรงแรมแชงกรี-ลาต้องหาวิธีทำกำไรแบบใหม่ด้วยการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรมเลย เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ซึ่งหวังผลกำไรในสองทางคือเงินปันผลหรือการขายหุ้นเมื่อมีราคาในตลาดฯ สูง

โทมัส ลุย แมน ซิงค์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมแชงกรี-ลา เปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า "โรงแรมฯ ได้รับผลกระทบจากสงครามอ่าวเปอร์เซียจึงจำเป็นต้องหาโอกาสลงทุนอย่างอื่น เ พื่อหากำไรมาชดเชยกับส่วนของกำไรที่ต่ำกว่าประมาณการ 117 ล้านบาท พอดีกับตระกูล KUOK ซึ่งร่วมถือหุ้นในโรงแรมฯด้วยได้มเสนอให้ไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท TYLFULL ซึ่งเป็นกิจการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทางคณะกรรมการฯโรงแรมฯเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ดี จึงตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 6% ของ TYLFULL หรือ 144.496 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ HK$ 1.35 คิดเป็นมูลค่า HK$ 195 เทียบเป็นเงินไทยประมาณ 643 ล้านบาท"

ทั้งนี้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2534 ต่ำกว่าประมาณการที่บริษัทตั้งไว้ประมาณ 117.32 ล้านบาทหรือคิดเป็น 43% โดยมีตัวเลขกำไรสุทธิ 153.09 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นประมาณ 0.59 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2533 มีกำไรสุทธิ 161.45 ล้านบาทหรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.70 บาท

โทมัสยืนยันหนักแน่นว่าการซื้อครั้งนี้บริษัทฯ มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายทั้งหมด และยังไม่มีการเรียนกชำระหุ้นเพิ่มทุนที่ค้างอยู่แต่อย่างใด

เป็นมิติการลงุทนแบบใหม่ เพราะตัวบริษัท TYLFULL เป็นกิจการโฮลดิ้ง ที่มีรายได้เพียงทางเดียวคือเงินปันผลเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินกิจการผลิตสินค้าอย่างใดทั้งสิ้น

โทมัสบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า "การลงทุนครั้งนี้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก TYLFULL ออกหุ้นสามัญใหม่และหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งตามระเบียบในตลาดฯ ฮ่องกงทำให้เราต้องรีบตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ เราก็เลยตั้งบริษัทใหม่ซึ่งแซงฯเข้าไปถือหุ้น 100% ชื่อ APIZACO ในฮ่องกง แล้วใช้บริษัทนี้เข้าไปซื้อหุ้นใน TYLFULL อีกทอดหนึ่ง"

นอกจากความรีบเร่งในแง่นั้นแล้ว แชงฯ ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากแบงก์ชาติในการเข้าไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นฮ่องกงในตอนแรก จึงจำเป็นต้องผ่านทาง APIZACO

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาโทมัสกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า "ในภายหลังบริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากแบงก์ชาติเรียบร้อย แต่เราก็ยังคงใช้ APIZACO เพื่อจะได้ไม่ยุ่งยากอีก"

TYLFULL เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทสของปักกิ่งหรือที่รู้จักกันดีว่า CHINA INTERNATIONAL TRUST & INVESMENT CORP. (CITIC) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด 49% ตระกูลเฉา 13% และนักลงทุนรายย่อย 38%

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนรวม 91.5 ล้านเหรียญฮ่องกง มีสินทรัพย์เป็นหุ้นในสายการบินอันดับสองของฮ่องกงคือกรากอนแอร์ 38.3% และสินทรัพย์อื่น ๆ อีกส่วนหนึ่ง บริษัทฯจะเปลี่ยนชื่อเป็น CITIC PACIFIC เพื่อขยายฐานการเงินและจะนำเงินเพิ่มทุนที่ได้ใหม่ไปลงทุนซือ้ห้นุในสายการบินคารเธย์แปซิฟิคและองคืการโทรศัพท์ของมาเก๊าที่ชื่อ COMPANHIA DE TELECOMMUNICACOSES DEMACAU (CTM) ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 51% คือ CABLE & WIRELESS

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเข้าไปถือหุ้นในโครงการสนามบินแห่งใหม่ของฮ่องกงที่ชื่อ CHEK LAP KOK ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 12.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นิตยสารฟาร์อีสเทิร์นอีคอนอมิค คาดหมายว่าในไม่ช้า CITIC PACIFIC จะเติบใหญ่เทียบเคียงได้กับสไวร์แปซิฟิค จาร์ดีน แมทธิวสันและกระทั่งฮัทชิสันแวมเปาของไทคูนใหญ่ลีก้าชิง

ผู้ที่ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้ นอกจากแชงกรี-ลาแล้วยังมีลีก้าชิงและโรเบิร์ต ก็อก หนึ่งในตระกูลที่ถือหุ้นรายใหญ่ของแชงฯ นั่นเอง

ว่ากันว่าการเชิญชวนให้ไทคูณทั้งสองเข้ามาร่วมทุนด้วยเป็นเสมือนหนึ่งหลักประกันแก่นักลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะในด้านภาพพจน์ว่า นักลงทุนทั้งหลายในฮ่องกงสามารถคบค้าทำธุรกิจกับทางการเงินได้โดยไม่ต้องหวั่นแกรงผลกระทบจากเสถียรภาพทางการเมือง

การออกหุ้นสามัญใหม่และหุ้นกู้ครั้งนี้จะทำให้ CITIC PACIFIC มีเงินเข้ามาถึง 2.5 พันล้านเหรียญฮ่องกง และทำให้ฐานสินทรัพย์ขยายจาก 1.4 พ้นล้านบาทฮ่องกงเป็น 4.5 พันล้านเหรียญฮ่องกง

ว่าโดยตัว CITIC KPACIFIC นั้นถือเป็นการลงทุนแบบง่าย ๆ ที่เพียงอาศัยสถานะอันยิ่งใหญ่ของ CITIC และเทคนิคทางการเงินในตลาดทุนเท่านั้น

และการที่ CITIC PACIFIC เข้าไปซื้อหุ้นในสายการบินคาเธย์และองค์การโทรศัพท์ของมาเก๊า ก็เป็นการซื้อของ CITIC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของตัวนั่นเอง

เรียกว่าเป็นการโอนย้ายจากกระเป๋าแม่มาอยู่กระเป๋าลูกในสนนราคาที่ต่ำอย่างมาก ๆ ด้วย

โบรกเกอร์ในฮ่องกงประเมินว่าเมื่อ CITIC PACIFIC จ่ายค่าหุ้นที่จะเข้าไปซื้อในกิจการต่าง ๆ หมดแล้ว คาดว่าจะสามรถทำกำไรสุทธิในสิ้นปี 2534 เท่ากับ 275 ล้านเหรียญฮ่องกงและมีรายรับต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 14.5 เซนต์เป็น 16.5 เซนต์

ทั้งนี้หุ้น TYLFULL มีมูลค่าที่ตราไว้ (PAR VALUE) เพียง HK$ 0.10 เท่านั้น แต่มีตัวเลขการจ่ายเงินปันผลสูงมากคือจ่ายหุ้นละ HK$ 5.5 เมื่อสิ้นปี 2533

แน่นอนว่าในสิ้นปี 2534 จะมีเงินปันเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้

โทมัสมองว่า "บริษัทคงจะหวังผลระยะยามมากกว่าในการลงทุนครั้งนี้"

การลงทุนของแชงกรี-ลาเป็นแนวโน้มใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เข้ากับโอกาสลงทุนอย่างพอเหมาะพอดี

เป็นไปได้ว่าในอนาคตจะมีลักษณะการลงทุนแบบนี้เกิดขึ้นอีกมาก

หลังจากที่แบงก์ชาต ิเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บีซีซีออกมา พร้อมกับแสดงจุดยืนที่จะให้นักลงทุนไทยเข้ามาซื้อกิจการไปบริหารเอง โดยพยายามให้ความช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่แล้ว ปรากฏว่าความมีค่าของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งนี้ก็ส่งประกายเจิดจรัสขึ้นมาทันที

มีผู้สนใจลงทุนซื้อกิจการนี้หลายราย บริษัทเงินทุนยูไนเต็ดซึ่งเป็นกิจการในเครือของธนาคารกสิกรไทยมีแนวโน้มที่จะเข้าไปซื้อจริงจังกว่ากลุ่มอื่น ๆ ล่าสุดแบงก์ชาติเลือกให้เป็นผู้เจรจาซื้อลำดับแรก และมีการนำเอกสารข้อมูลไปศึกษาเบื้องต้นก่อนที่จะตัดสินใจวางเงินประกันจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อเข้าไปศึกษารายละเอียดอย่างจริงจังต่อไปนี้ ซึ่งบีซีซีให้เวลาไว้ 1 เดือน

หากบง.ยูไนเต็ดตัดสินใจไม่ซื้อ แบงก์ชาติจะเรียกผู้สนใจรายอื่นมาเจรจาเป็นอันดับต่อไป

คนในวงการคาดหมายราคาหุ้นบีซีซีน่าจะมีมูลค่าสูงกว่าหุ้นละ 300 บาท บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท มีจำนวนหุ้น 1.1 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท

บีซีซีมีสินทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ พันธบัตร ตลอดจนหลักทรัพย์จำพวกที่ดินบางส่วน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2533 และมีกำไรสะสมประมาณ 16 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ไม่ได้ส่งคืนให้บริษัทแม่ในต่างประเทศเลย

อย่างไรก็ดี สินทรัพย์จำนวน 2,000 ล้านบาทนี้ได้มีการขายออกไปบ้างแล้วเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทเพราะได้รับผลกระทบจากบีซีซีในต่างประเทศ

ปัจจุบันสินทรัพย์จำนวนนี้ลดลงเหลือ 1,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีหลักทรัพย์ที่บีบีซีเข้าไปถือครองในบริษัทต่าง ๆ ได้แก่ บีซีซีไอเอนเตอร์ไพรซ์ บีซีซีไอลิสซิ่ง เป็นต้น

แบงก์ชาติให้การรับรองว่า ตลอดเวลาที่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกิจการของบริษัทรวมทั้งสิ้น 7 ครั้งไม่พบว่ามีหนี้เสียเกิดขึ้นแต่อย่างใด และกรรมการบริษัทที่เป็นคนไทยก็ให้คำยืนยันกับบริษัทว่า ไม่มีการทำนิติกรรมใด ๆ ที่อยู่นอกบัญชีที่ปรากฏตามกฎหมาย เพราะการทำนิติกรรมใด ๆ กรรมการฝ่ายไทยต้องรับรู้ทุกครั้ง เพราะเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจลงนามฝ่ายละ 1 คนร่วมกับทางบีซีซี ฮ่องกง

อย่างไรก็ตาม การที่บีซีซีมีส่วนเกี่ยวพันกับบริษัทสาธรปาร์คในทางใดทางหนึ่ง และสาธรปาร์คกำลังมีคดีความกับบริษัท อัลเคมาน บิลเดอร์ส จำกัด เรื่องกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินจำนวน 16 ไร่ ซึ่งใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงแรมสุโขทัย โบฟอร์ด ทำให้ผู้จะซื้อกิจการบีซีซีไม่อาจนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ได้

อัลเคมานฯ อ้างว่าที่ดินดังกล่าว บริษัทฯ นำไปจำนองกับบีซีซีในวงเงิน 60 ล้านบาท แต่ต่อมาบีซีซีได้ตั้งสาธรปาร์คเพื่อใช้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว โดยตกลงกับอัลเคมานฯ ว่า จะเป็นการถือแต่เพียงในนามเท่านั้น แต่ปรากฎว่า สาธรปาร์คกลับนำที่ดินนั้นไปสร้างโรงแรม

ความคืบหน้าของคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาไต่สวนของศาล

นั่นหมายความว่าสถานะความเป็นเจ้าหนี้ของบีซีซีค่อนข้างง่อนแง่นพอสมควร

คือไม่รู้ว่าจะได้รับชำระเงิน 60 ล้านบาทคืนหรือไม่

หรือว่าจะได้ที่ดินผืนนั้นมาครอบครอง ในกรณีที่บีซีซีเป็นผู้ถือหุ้นในสาธรปาร์ค

แต่ถ้าบีซีซีไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของสาธรปาร์คและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ไปกว่าการเป็นนายหน้าให้บีซีซีในประเทศอื่น ๆ บีซีซีก็อาจจะไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากกรณีพิพาทนี้เลย !!

ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ผู้จะซื้อต้องคิดให้รอบคอบทีเดียว

แต่หากผู้จะซื้อมีหลักประกันมั่นคงในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น การออกเสียงในการบริหารงานแล้ว บีซีซียังมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องสาธรปาร์คมากมาย

ทั้งนี้ บีซีซีมีสาถนะที่ดีกว่าทรัสต์มากมายก่ายกองที่ขายออกไป แล้วของโครงการ 4 เมษาฯ คือ ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ครบทุกใบ มีฐานการทำธุรกิจเช่าซื้อมากพอสมควร

คนในวงการต่างรู้ดีว่า ใบอนุญาตเหล่านี้มีค่ามากเพียงใด

ในเงื่อนไขที่แบงก์ชาติ ให้การสนับสนุนการเข้ามาซื้อของเอกชนเต็มที่ พร้อมกับยื่นมือเข้ามาดูแลผลประโยชน์ในเรื่องหุ้นโดยปล่อยเงินกู้ให้ในวงเงิน 100 ล้านบาทและให้นำหุ้น 65% หรือ 78,000 หุ้นมาจำนำกับกองทุนฟื้นฟูฯ พร้อมทั้งโอนสิทธิในการออเสียงให้กองทุนฯ ด้วย

มันก็เป็นหลักประกันความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ของนักลงทุนแล้ว

ของดี ๆ อย่างนี้แบงก์ชาติน่าจะประกาศให้รู้เสียแต่แรก

บีซีซีที่ประเทศไทยไม่ได้เน่าเหมือนที่อื่น ๆ ในโลก !!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.