กรุงไทยโพรเซสซิ่งแบงก์ ศูนย์กลางเบิกจ่ายเงินรัฐ - ธุรกิจ


ผู้จัดการรายวัน(8 เมษายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

วิโรจน์เดินหน้าผลักดันแบงก์กรุงไทยเป็นธนาคารผู้นำวงการ เปิดแนวรบใหม่ เน้นบริการระบบแบ็ก ออฟฟิศให้ธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคาร (Processing bank) สมบูรณ์แบบ รวมถึงบริการเคลียริ่งให้โบรกเกอร์ในตลาดหุ้นไทย พร้อม เป็นศูนย์กลางให้ระบบเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน และโอนเงินค่าจัดซื้อจัดจ้างของราชการ สนับสนุนระบบอี-กัฟเวิร์นเมนท์ เพื่อให้การบริหารการคลังรัฐบาลมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อม รุกขยายสาขาธนาคารอิสลามเพิ่มเป็น 40 สาขาภายใน มิ.ย.นี้

นายวิโรจน์ นวลแข กรรม การผู้จัดการธนาคารกรุงไทยกล่าว ว่าธนาคารกรุงไทยในอนาคตภายใต้การนำของเขากำลังก้าวสู่การ เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในฐานะธนาคาร ผู้นำในประเทศไทย (Leading bank) โดยเป็นผู้นำทั้งด้านการลด ดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยเงินกู้ดึงลงต่ำถึง 6.5% ต่อปี

ผู้นำแบงก์พาณิชย์ไทย

ด้านการปล่อยสินเชื่อปีที่แล้ว ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อถึง 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในไทยปล่อยสินเชื่อรวม 1.5 แสนล้านบาท จึงนับ ว่าธนาคารกรุงไทยได้ครองส่วนแบ่ง ใหญ่ของตลาดสินเชื่อรวม

"ส่วนการล้างขาดทุนสะสมหมดก็สามารถทำได้ทั้งหมดและเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ธนาคารแรกที่ทำสำเร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว พร้อมกับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ทำให้อัตราผลตอบแทน เงินปันผลสูงถึง 40% และสินเชื่อที่เพิ่มประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เป็นเพราะแบงก์เราเพียงแบงก์เดียว ที่ทำได้มากที่สุด" เขากล่าว

สำหรับเป้าหมายธนาคารกรุงไทยอีก 2 ปีข้างหน้า นายวิโรจน์กล่าวว่าเขาปูพื้นให้ธนาคารแข็งแกร่งมากขึ้น โดย การลงทุนวางระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เปลี่ยน วิธีคิดเพื่อการบริหารงานฝ่ายบริหารและพนักงานธนาคาร โดยให้คิดถึงลูกค้าเป็นหลัก

ลุยเปิดแบงก์อิสลาม 40 สาขา

รวมถึงการลงลึกเพื่อช่วยพัฒนาชุมชนทั่วประเทศไทย จึงมีการผลักดันแนวทางธุรกิจสินเชื่อเพื่อชุมชนเป็นแห่งแรก (Micro commercial bank credit) ขณะที่จะขยายเครือข่ายธุรกิจธนาคารตามหลักศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง รวมถึงบริการธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิม (onven-tional commercial banking) ซึ่งธนาคารกรุงไทยจึงถือเป็นธนาคารที่มี 2 ระบบในระบบเดียวกัน (Dual banking system)

ด้านธนาคารอิสลาม ธนาคารกรกรุงไทยปฏิบัติตามหลัก Shariah บริหารธนาคารตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด โดยแยกระบบ บัญชีออกจากรูปแบบทั่วไป เงินฝากจะไม่มีการ จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนา แต่จะจ่ายเงินปันผลแทน โดยมีแผนจะขยายสาขาธนาคารอิสลามเต็มรูปแบบ จากปัจจุบันที่มี 10 แห่งจะเพิ่ม เป็น 40 แห่งทั่วประเทศ ภาย ในมิ.ย.นี้ทั่วไทย โดยเฉพาะภาคใต้ของไทยไม่รวมเคาน์เตอร์ธนาคารอิสลามที่มีตามสาขาธนาคารกรุงไทยในย่านที่มีคนไทยมุสลิมมากในปัจจุบัน

แม้พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะมีการจัดให้ตั้งธนาคารอิสลามเป็นการเฉพาะ แต่นายวิโรจน์กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยได้เปรียบ ในการดำเนินงานธนาคารอิสลาม เพราะตาม พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ รัฐบาลค้ำประกันเงินฝาก เต็มที่

เขากล่าวว่าการระดมเงินผ่านระบบธนาคาร อิสลามจะเป็นผลดีให้ธนาคารกรุงไทยใช้ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกต่อ ตามนโยบายรัฐบาล เพราะเงินก้อนนี้ อัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับการระดม ทุนอีกหลายๆ วิธี

ตั้งเป้าธนาคารโพรเซสบริการการเงินสมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้รับมอบหมายให้สนับสนุนรัฐบาล ในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยธนาคารทำหน้าที่จัดการกระบวน การการจ่ายและโอนเงิน (Clearin & settlement back office) ให้ระบบราชการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ที่รัฐบาลนี้ผลักดันเต็มที่ ช่วยให้ระบบจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล (e-Procurement) มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้การ บริหารการคลังอย่างมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

การบริหารการเงินผ่านระบบการบริหารข้อมูลการเงินของรัฐบาล (Government Financial Management Information System) ตามขั้นตอนระบบนี้ คือการเชื่อมโยงระบบ เบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินระหว่างกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ กับหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ โดยธนาคารเป็นศุนย์กลางในการจัดการโอนเงินไปสู่ผู้รับงานราชการอย่างรวดเร็วขึ้น ตามการอนุมัติของกรมบัญชีกลาง ดังนี้ ธนาคารกรุงไทยจึง ต้องลงทุนระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อบริการนี้แล้วกว่าพันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินจากงบประมาณรัฐบาล

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังตั้งเป้า เป็นศูนย์ปฏิบัติการให้ระบบการชำระบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขณะนี้มี 17 บริษัทหลักทรัพย์ ในตลาดหุ้นไทยใช้ระบบแบ็กออฟฟิศของธนาคารกรุงไทยแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการเป็นศูนย์กลางแบ็กออฟฟิศให้สถาบันการเงิน ที่ไม่ใช่ธนาคารทั้งหมดที่ใช้บริการผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งขณะนี้ทำได้น่าพอใจระดับหนึ่ง เพราะครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯแล้ว เป้าหมายต่อไปคือครอบคลุมทั่วประเทศ

โพรเซสแบงก์สมบูรณ์แบบ

"จุดประสงค์หลักสำหรับ 2 ปีข้างหน้า เรามีเป้าหมายผลักดันธนาคารกรุงไทยให้เป็นธนาคารที่ทุกคนต้องนึกถึง และใช้บริการ เป็น โพรเซสซิ่งแบงก์ (Processing bank) สมบูรณ์แบบ เป็นศูนย์เคลียริ่งสำหรับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เช่น ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจ ปล่อยสินเชื่อ ครอบคลุมถึงบริษัทประกันชีวิต-ประกันวินาศภัย บริษัทเงินทุน รวมถึงบริษัทใหญ่ๆ ในไทย ที่ไม่ต้องส่งเช็คเข้ามาเคลียร์ที่ศูนย์ แต่เป็นการหักกลบลบกันทางตัวเลข เหมือนระบบไร้ใบหุ้น (Scripless) ของตลาด หลักทรัพย์ปัจจุบัน เพื่อให้ทุกอย่างเคลียร์ให้เสร็จภายใน 1 วันทำการ" นายวิโรจน์ย้ำ

หากทำได้ตามที่เขาตั้งเป้าหมาย นายวิโรจน์ เชื่อว่าธนาคารกรุงไทยจะได้ลูกค้าบริษัทใหญ่ๆ ในไทยเพิ่มแน่นอน แต่เขายืนยันว่าเมื่อ ธนาคาร กรุงไทยทำหน้าที่ให้บริการเป็นโพรเซสแบงก์สมบูรณ์แบบ กรุงไทยทำเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งหวังกำไร เป็นสำคัญ แต่ต้องการให้ระบบการชำระและโอนเงินของธุรกิจโดยรวมลื่นไหล จึงไม่หวง ห้าม หากธนาคารอื่นจะทำตาม

การเป็นโพรเซสซิ่งแบงก์เพราะธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารที่ภาครัฐถือหุ้นใหญ่ จึงต้อง สนองนโยบายโครงการต่างๆ ที่เป็นโครงสร้างให้ เศรษฐกิจไทยพัฒนาต่อเนื่อง ขณะนี้ ธนาคาร ให้บริการภาครัฐอยู่แล้ว ทั้งการจ่ายเงินเดือนผ่านแบงก์ เพื่อข้าราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ

"เรามีจุดหมายให้ข้าราชการ และพนักงาน รัฐวิสาหกิจทั้งหมด ใช้บริการทำธุรกรรมการเงิน ผ่านเรา โดยใช้กลยุทธ์สร้างเทคโนโลยี พัฒนา ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์การเงินครบวงจร เพื่อขยายสู่ผู้บริโภคไทยทั่วประเทศต่อไป"

สำหรับการที่คณะกรรมการธนาคารกรุงไทย มีมติแต่งตั้ง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ เป็นประธานกรรมการคนใหม่แทนนายศุภชัย พิสิฐวาณิชย์ นายวิโรจน์เชื่อว่าพล.อ.มงคลเป็นอดีตนายทหารที่ผ่านการบริหารระดับสูงสุดของ กองทัพย่อมเป็นนักกลยุทธ์ที่ดีที่จะช่วยให้การบริหารธนาคารมีการพัฒนาต่อเนื่องได้ดี ขณะที่ภาพลักษณ์ธนาคารปัจจุบันก็ดีกว่าเดิมมาก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.