|
ดิแอสไพเรอร์สกรุ๊ปลดเสี่ยงธุรกิจ สยายปีกนิวมีเดียหนีแมกกาซีนซบ
ผู้จัดการรายวัน(11 กรกฎาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ดิแอสไพเรอร์สกรุ๊ป ปรับกลยุทธ์ลดความเสี่ยง สยายปีกสู่นิวมีเดีย รับโลกยุคใหม่ วางแนวทาง 5 กลุ่มหลัก หรือ 5O พร้อมทั้งชูธงคอนเท้นต์โพรวายเดอร์ ตั้งเป้าอีก 2 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI หวังกวาดรายได้ 280 ล้านบาทในปี 2552
นายวิโรจน์ อัศวรังสี ผู้จัดการทั่วไป และบรรณาธิการอาวุโส นิตยสารในเครือ บริษัท ดิแอสไพเรอร์สกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกสู่ธุรกิจนิวมีเดียมากขึ้น เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ อีกทั้งที่ผ่านมารายได้หลักของทางบริษัทฯมาจากสื่อนิตยสารเกี่ยวกับไอที ซึ่งมีทั้งหมด 5 หัว มากกว่า 40-50% และนอกนั้นก็เป็นรายได้จากทางอีเว้นต์ทั้งของบริษัทฯเอง เช่น งานคอมเวิลด์ งานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที การรับจ้างจัดงานอีเว้นต์
“อย่างไรก็ตาม ในตลาดนิตยสารไอทีนั้นกลับมีภาวะถดถอยทางด้านการขายโฆษณามาตั้งแต่ปี 2545 แล้ว ซึ่งลดเฉลี่ย 10-30% ต่อปี เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ลงโฆษณาเปลี่ยนไป หันไปใช้สื่อที่เป็น Non IT มากขึ้น อีกทั้งช่วง 2-3 ปีมานี้ที่ประเทศไทยเรามีปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ ยิ่งทำให้ตลาดโฆษณาทรุดตัวลงกว่า 30-50% ด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
ทั้งนี้จากตัวเลขประมาณการของ นีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช ระบุว่า ในปี 2550 นี้ มูลค่าการใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อนิตยสารลดน้อยลงเมื่อเทียบเดือนต่อเดือนกับปีที่แล้ว ในขณะที่อนาคตตลาดโฆษณานิตยสารทุกประเภทจะลดลงด้วย โดยตั้งแต่ปี 2543 ที่เติบโต 37% กลับตกลงมาเหลือเติบโตแค่ 15% ในปี 2544 และแม้ว่าจะขยับดีขึ้นมาเป็น 32% ในปี 2547 ก็ตาม แต่ก็ตกลงถึง 5% และคาดว่าในปีนี้ตลาดรวมโฆษณานิตยสารทุกประเภทจะตกลงถึง 6%
นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า ในตลาดนิตยสารประเภทไอทีมีการปิดตัวลงไปมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี อีกทั้งการที่นิตยสารไอทีถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสื่อแบบอินฟอร์เมทีฟหรือสื่อข้อมูล จะถูกแชร์ผู้อ่านมาจากสื่อประเภทอีโมชันนัล โดยเมื่อปี 2545 สื่อด้านไอทีมีประมาณ 36 หัว แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 10 กว่าหัวเท่านั้น โดยล่าสุดเมื่อต้นปี มีการปิดตัวไปแล้วอย่างต่ำ 3 หัว และเมื่อเดือนที่แล้วมีการยุบรวมกัน 2 หัว โดยผลประกอบการของบริษัทฯแม้ว่าจะมีการเติบโตที่ดีแต่ก็ต้องมีการปรับตัวปรับกระบวนทัศน์ วิธีการและยุทธศาสตร์การทำธุรกิจใหม่เพื่อเข้าสู่ยุคของโลกนิวมีเดีย
สำหรับแนวทางการรุกสู่นิวมีเดียของบริษัทฯนั้นวางทิศทางไว้ 5 กลุ่มหลัก หรือ 5O คือ 1.ออนไลน์ (Online) คือการเปิดตัวเว็บไซต์ ซึ่งเพิ่งเริ่มทดลองได้ระยะหนึ่งคือ www.magmareport.com ซึ่งขณะนี้เว็บไซต์ดังกล่าวติดอันดับ 1 ใน 5 ของนิตยสารออนไลน์ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่ง นอกนั้นก็มี ดิจิแมก ซึ่งเป็นการส่งเมล์ขนาดเล็กให้ผู้อื่นอย่างง่ายๆทำให้เพิ่มฐานผู้อ่านได้มากขึ้นด้วย
2.ออฟไลน์ (Offline) คือ สื่อประเภทพริ้นท์หรือนิตยสารที่ทำอยู่แล้ว แต่จะมีการต่อยอดออกไป แม้ว่าภาวะตลาดจะไม่ค่อยดีซึ่งในเดือนหน้านี้จะมีการเปิดนิตยสารหัวใหม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 หัว คือ พีซีทูเดย์, พีซีเวิลด์ ซื้อลิขสิทธิ์มาจากบริษัท อีดีจี อเมริกา, ดีเอ็นเอส, อีเวิลด์ คอมพิวเตอร์เวิลด์ ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วทางกลุ่มมีส่วนแบ่งตลาดนิตยสารไอทีมากกว่า 45%
3. ออนแอร์ (On Air) เช่น ทีวี วิทยุ ซึ่งได้เริ่มแล้วเช่นกัน ปัจจุบันมีรายการทีวี 1 รายการคือ ไอทีอีเลฟเว่น ช่อง 11 และรายการทางวิทยุคลื่น 101.5 FM เวลา 09.00-10.00 น.ทุกวัน และเตรียมที่จะเปิดตัวรายการทีวีใหม่ในเร็วๆนี้ แต่จะไม่ใช่รายการประเภทไอที เพื่อขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น
4.ออนโมบาย (On Mobile) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนากับทางผู้เชี่ยวชาญ และ 5.เอาท์ออฟโฮมมีเดีย (Out of Home Media) ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มแล้วกับการเป็นผู้บริหารสื่อโฆษณาสถานีรถไฟทั่วประเทศซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทางบริษัท แอคทีฟ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
“ในอนาคตเราจะวางตัวเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเท้นต์ และจะต้องทำการเชื่อมโยงหรือ Convergence ระหว่างสื่อต่างๆให้ได้ การคิดค้นสื่อใหม่ๆที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนั้น ผู้บริหารต้องมองให้ออก ผมคิดว่าประชากรบนเน็ตทุกวันนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีเพียง 8 แสนคน แต่ตอนนี้มีมากกว่า 8 ล้านคนแล้ว ที่น่าตกใจคือครัวเรือนไทยใช้เน็ตแล้ว 42% ในขณะที่คนกรุงเทพฯใช้เน็ตแล้ว 63%”
สำหรับแผนการขยายธุรกิจดังกล่าวนี้ บริษัทฯคาดหมายว่า ภายใน 3 ปีแรกนับจากนี้ จะมีรายได้รวมทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 280 ล้านบาทได้ โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 150 ล้านบาท เติบโต 22% ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 70 ล้านบาท จากที่ผ่านมาหลังจากที่ดำเนินธุรกิจมานาน 5 ปี มีรายได้ในปีแรกเพียง 4 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 123 ล้านบาทในปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 3,000% อีกทั้งมีเป้าหมายที่จะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ภายใน 2 ปี โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|