ปรีชาแจงทุ่มซื้อบ.รวยล้านล้านหวังฮุบที่ดิน1ไร่ย่านอ.ส.ม.ท.ผุดคอนโด


ผู้จัดการรายวัน(10 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ปรีชาแจงกรณีทุ่ม48 ล้านซื้อบริษัทรวยล้านล้าน แถมหนี้อีก 62 ล้านบาท หวังฮุบที่ดินขนาด 1 ไร่ย่านสี่อ.ส.ม.ท. มูลค่า 111 ล้านบาท เล็งผุดซิตี้คอนโดฯ แห่งที่ 2 กว่า 200 ยูนิต คาดเปิดขายในไตรมาส 3 นี้

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท ปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ ซื้อหุ้น 100% ของบริษัท รวยล้านล้าน จำกัด จากบริษัท แม่รำพึง การ์เด้นท์บีชและบริษัท เงินมหาศาล จำกัด ในราคาสูงถึงหุ้นละ 242 บาท/หุ้นรวมเป็นเงิน 48 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าตามบัญชีเพียง 5.79 บาท/หุ้น นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังมีหนี้สินจำนวน 62 ล้านบาท

นายยุทธ วรฉัตรธาร ประธานกรรมการ บริษัท ปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า การซื้อบริษัทรวยล้านล้าน จำกัด เนื่องจากคาดหวังจะได้รับผลประโยชน์ในอนาคตในทรัพย์สินที่รวยล้านล้านมีอยู่ คือที่ดินขนาด 1-2-18.8 ไร่ บนถนนพระราม 9 ติดถนนใหญ่ด้านข้างอาคารชำนาญเพ็ญชาต ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย โดยที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัท พสุพัฒน์ แอพเพรซัล จำกัด ได้ทำการประเมินมูลค่าที่ดินเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2550 มูลค่าตลาดที่ประเมิน 111.38 ล้านบาท

“ที่ดินแปลงนี้เราซื้อในราคา 48 ล้านบ้าน ส่วนอีก 62 ล้านบาทเป็นหนี้สิน ซึ่งข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องกู้เงินซื้อที่ดินใหม่ เราซื้อบริษัทมาเลย”

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นคอนโดมิเนียม สูงประมาณ 20 ชั้น จำนวน 200 กว่ายูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือภายในไตรมาส 3 นี้ ส่วนราคาขายจะแพงกว่าโครงการพีจี พระราม 9 เล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนที่ดินสูงกว่า

โครงการพีจี พระราม 9 ถือเป็นเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัท มีจำนวน 520 ยูนิต ขนาด 29-39 ตร.ม.ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.26 ล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ปิดการขายได้ภายใน 5 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีลูกกค้าลงชื่อแสดงความสนใจไว้อีก 300-400 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตอกเสาเข็มคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 2 ปี

นายยุทธ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจความต้องการของลูกค้านับจากโครงการแรก พบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานเงินเดือน หรือนักศึกษา มีบ้านที่ต่างจังหวัดต้องการอยู่อาศัยเฉพาะในช่วงทำงานเปลี่ยนจากการเช่าอพาร์ตเมนต์มาเป็นซื้อคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า ทำให้ต้องการห้องชุดขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือ ห้องขนาดสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ส่วน 2 ห้องนอนจะขายได้ช้ากว่า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบริษัทจึงพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาด 29-39 ตร.ม.ขึ้นมา

ส่วนแผนการลงทุน นอกจากโครงการที่ซื้อที่ดินมาใหม่นี้แล้ว บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด แต่หากมีที่ดินแปลงศักยภาพเข้ามาก็อาจจะลงทุนเพิ่มก็เป็นได้ ซึ่งนอกจากคอนโดมิเนียมแล้วบริษัทยังมีโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขายอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการในมือที่เปิดขายอยู่กว่า 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรีชา ร่มเกล้า เฟส 1 และเฟสต่อเนื่องเนื้อที่ 25 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 167 ยูนิต ราคาขาย 3.5 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท

โครงการใกล้กับถนนมิสทีน 2 โครงการ 120 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 175 ยูนิต ราคาขาย 3.6 ล้านบาท และทาวน์โฮม เนื้อที่ 50 ตารางวา จำนวน 20 ยูนิต ราคาขาย 8 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ในเร็วๆ นี้ และโครงการปรีชา สุวิทนวงศ์ เนื้อที่ 20 ไร่ จำนวน 120 ยูนิต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.