ลีเวอร์ขนสินค้าเก่าลุยซีเอสอาร์คาดลานเล่นบรีสฯเพิ่มงบสู่180ล.


ผู้จัดการรายวัน(3 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ยูนีลีเวอร์ มุ่งหน้าทำ ซีเอสอาร์ ตามบัญชาบริษัทแม่ พัฒนาแบรนด์ในเครือ จับกลุ่มสินค้ายั่งยืนทำตลาด เสริมสร้างความแกร่ง ล่าสุดตั้งเป้า 2 ปีสานโครงการลานเล่นบรีสฯครบ 200 แห่งควักงบเพิ่ม 2-3 เท่าตัว หรือรวม 180 ล้านบาทภายใน 3 ปี

นายลออิค ทาร์ดี้ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ (ในประเทศไทย) ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุโปภค-บริโภคในครัวเรือนรายใหญ่ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯว่า จะเน้นหนักในเรื่องการทำกลยุทธ์ CSR ซีเอสอาร์ ตามนโยบายการทำตลาดระดับโลกของบริษัทแม่ ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดรูปแบบดังกล่าวบริษัทฯได้ทำมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปีแล้ว พร้อมกับการสร้างแบรนด์ในเครือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อให้องค์กรและแบรนด์สินค้าที่ทำตลาดในแต่ละประเทศมีศักยภาพมากขึ้น

ทั้งนี้การทำตลาดบริษัทฯจะเลือกใช้แบรนด์ของสินค้าที่มีชื่อเสียงหรือเป็นแบรนด์ที่มีอายุของการทำตลาดนาน เนื่องจากง่ายต่อการทำตลาดอีกทั้งเป็นการเสริมสร้างการทำแบรนด์ให้ไม่เก่าจนเกินไป ฉีกหนีคู่แข่งรายใหม่ที่มีการโปรโมตขึ้นมาในตลาด เบื้องต้นจากแผนที่ได้จัดเตรียมไว้บริษัทฯจะใช้ผงซักฟอกบรีส ยาสีฟันใกล้ชิด ซึ่งมีแผนทำ 2 โครงการ เช่น โอเปอเรชัน สไมล์ และ ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหาร จัดแคมเปญกิจกรรมเพื่อสังคมรณรงค์ให้มีการล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะ

พร้อมกันนี้ด้านคอร์ปอเรท แบรนด์ บริษัทฯก็จะนำไปใช้ในแคมเปญกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุดบริษัทฯได้ทำตลาดให้กับแบรนด์ บรีส โดยดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสังคมภายใต้แคมเปญโครงการ “ลานเล่นบรีส เพิ่มพลังเรียนรู้” ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและใช้งบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวไปกว่า 60 ล้านบาท ครอบคุลมทุกภาคกว่า 60 แห่ง ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานที่สำคัญในชุมชนเป็นเครื่องเล่นที่สามารถให้ทั้งความสนุกสนานกับการเล่นและการเรียนรู้ ไปพร้อมกับการเติมพลังเพลย์ คิว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของไอคิวและอีคิว ได้ชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทฯยังได้ตั้งเป้าว่า ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ บริษัทฯจะสามารถดำเนินโครงการลานเล่นบรีสฯได้ครบ 200 แห่งทั่วประเทศซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2-3 เท่าตัว หรือรวมทั้งหมดประมาณ 180 ล้านบาทภายใน 3 ปี และสามารถสื่อสารแบรนด์ผ่านลานเล่นบรีสในที่สุด

ปัจจุบันตลาดรวมผงซักฟอกมีมูลค่าอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 7% โดยยี่ห้อบรีสมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 44% ยี่ห้อโอโม่ แบ่งสัดส่วนอีกเป็น 18% โดยอัตราเติบโตทั้ง 2 แบรนด์จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% และ 8% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบไตรมาส 4 ปี 2549 มาจนถึงไตรมาสแรกปี 2550

สำหรับแผนการต่อไป โครงการที่ 2 เตรียมจัดทำโครงการโคลส อัพ กับมูลนิธิช่วยเหลือเด็กพิการ ปากแหว่งเพดานโหว่ อีกทั้งการนำแบรนด์องค์กรเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการช่วยเหลือผู้หญิงไทยที่ติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.