ไอ.ซี.ซี.ปรับเกมลดเสี่ยง ชูรายได้สมดุลย์ใน-ตปท


ผู้จัดการรายวัน(2 กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ไอ.ซี.ซี.ฯ ลดความเสี่ยงพิษเศรษฐกิจ เดินนโยบายสร้างความสมดุลทั้งในและนอกประเทศ ฮึดลุยตลาดส่งออกสร้างรายได้ทดแทนในประเทศหดตัว ปรับตัวส่งนวัตกรรมหัวหอกกรุยทางชูคอนเซปต์ “อินโนเวชัน ทู เดอะ เวิลด์” เร่งอัพเกรดบุคลากรพัฒนานวัตกรรมใหม่ หวังสิ้นปีโต 15% จากรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์เศรษฐกิจหดตัว งานสหกรุ๊ปฯคนแห่ซื้อสินค้าราคาถูกเพียบ

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทนับจากนี้ เน้นการรักษาดุลยภาพระหว่างรายได้จากการส่งออกและรายได้จากภายในประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงเนื่องจากหากเน้นจำหน่ายภายในประเทศ กรณีที่เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบ แต่หากมีการส่งออกมากเกินไป ก็มีความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 40% ส่วนภายในประเทศ 65% เหลือเป็น 60% ซึ่งจะรักษาไว้ในระดับนี้ สำหรับปัจจุบันบริษัทส่งออกกลุ่มรองเท้าและเสื้อผ้าทำตลาดเท่านั้น

แผนการตลาดบริษัทฯจะเน้นการพัฒนานวัตกรรมในเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ “อินโนเวชัน ทู เดอะ เวิลด์” (Innovation to the world) หรือการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับกับความต้องการของโลก ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่บริษัทดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว แต่จากนี้บริษัทเริ่มหันมาพัฒนายิ่งขึ้น โดยเน้นผลิตสินค้าในแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไปที่อยู่ในท้องตลาด เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันกับสินค้าภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท

สำหรับปัจจุบัน ในเครือสหพัฒน์ถือว่ามีภาพลักษณ์การพัฒนานวัตกรรมแค่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้น แต่มองว่านวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่บริษัทต้องพัฒนาขึ้น เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ การพัฒนานวัตกรรมหรือการมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายต้องมีความหลากหลาย การมีเพียงไม่กี่แบรนด์จะทำให้เสียเปรียบทางการตลาด ทั้งนี้เพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าในเครือสหพัฒน์ บริษัทได้มุ่งการพัฒนาบุคลากรมาอย่างต่อเนื่อง นำร่องด้วยการจัดประกวดออกแบบนวัตกรรม ซึ่งจัดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านการออกแบบรุ่นใหม่

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ลดลง 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มาก จากเดิมที่ตั้งไว้ว่ายอดขายจะเติบโตได้ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลงชะลอตัวทั้งในแง่ของการจับจ่าย ความถี่การซื้อสินค้าที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัญหามากในแง่ของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในครึ่งปีหลังหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกถึงความชัดเจน และมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

“ที่ผ่านมาครึ่งปีแรก โดยภาพรวมแล้ว กลุ่มผู้บริโภคงดการใช้จ่าย และไม่กล้าเดินทางไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่จะซื้อของสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตมากกกว่าการซื้อสินค้าที่สิ้นเปลืองมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้ยอดขายของบริษัทไม่เป็นตามเป้าหมาย”

บริษัทต้องปรับการดำเนินงานใหม่ โดยต้องคิดเร็ว ทำเร็ว รวมถึงจัดแคมเปญส่งเสริมการขายกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ไม่สามารถจัดแคมเปญให้ถี่ได้มากนัก เนื่องจากต้องระมัดระวังและดูความเคลื่อนไหวของตลาดด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะเดินหน้าอย่างเดียวต้องทำงานทุกอย่างให้มีความละเอียดที่สุด

โดยปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบทำการตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมา และแม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เกิดขึ้น ยังไม่มีแผนปรับลด หรือทุ่มงบพิเศษเพิ่มเติม เพราะต้องการใช้งบทำตลาดที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรายได้รวมสิ้นปีนี้หากสามารถผลักดันให้เติบโตได้เพียงเล็กน้อย หรือไม่ติดลบก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว จากเดิมที่วางเป้าหมายเติบโต 15% โดยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และเครื่องสำอางยังเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้สูงสุด

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังมองว่าน่าจะดีกว่าวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป ถือเป็นวิกฤตมากช่วงนั้น แต่เมื่อมองในแง่ดี วิกฤตช่วงนั้นจะเป็นโจทย์ที่ทำให้เราต้องแก้ไขปัญหามาได้แล้วช่วงหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบให้บริษัทและผู้ประกอบการรายอื่นๆต้องคิดแก้เกมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง

นายบุญเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับงาน “Saha Group Export & Trade Exhibition” ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปีนี้มีคนจำนวนมากมาซื้อสินค้ามากกว่าทุกปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง จึงต้องการซื้อสินค้าราคาถูกภายในงานคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนกว่า 3 แสนคน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.