ซินเนอยี่โรงเหล็กของสวัสดิ์


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2534)



กลับสู่หน้าหลัก

สวัสดิ์เป็นพ่อค้าเหล็กมีโรงเหล็กที่สร้างจากเล็กมาสู่ใหญ่ด้วยทุนดำเนินการที่เริ่มจากติดลบ 200 ล้าน แต่ด้วยความเป็นนักสู้และมีสมองที่เปิดกว้างทำให้สวัสดิ์ฟื้นฟูธุรกิจโรงเหล็กขึ้นมาได้สำเร็จจากลูกค้าแบงก์

จากลูกค้าแบงก์ที่ไม่มีใครอยากปล่อยสินเชื่อด้วย กลายเป็นลูกค้าที่ทุกแบงก์อยากวิ่งเข้าหา(ไม่ใช่ตามทวงหนี้)เพื่อปล่อยสินเชื่อให้

เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีไปเสียแล้ว

โรงเหล็กเส้นเตาหลอมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านซึ่งตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ชลบุรี ที่มีแบงก์และสถาบันการเงินระดับนำของประเทศเกือบ 10 แห่งร่วมกันปล่อยกู้และเป็นประวัติศาสตร์ของสวัสดิ์ที่ไม่มีวันลืม เป็นตัวอย่างที่สนับสนุนข้อนี้

4 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่สวัสดิ์มีความสุขที่สุด เหล็กเส้นที่ออกจากโรงงานมีไม่พอขายความต้องการเพื่อการก่อสร้างบูมขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลมาจากการลงทุนขยายตัวในอัตรากว่า 10 %

แต่ความที่สวัสดิ์เป็นนักอุตสาหกรรมที่พกเอาวิญญาณพ่อค้ามาเต็มตัว เขารีบฉวยโอกาสลงทุนขยานกิจการออกไปยังที่ดิน เพื่อรองรับการลงทุนของนักอุตสาหกรรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่กำลังเคลื่อนย้ายมาที่เขตอุตสาหกรรมใหม่ชายฝั่งทะเลตะวันออก

นิคมอุตสาหกรรมเหมราชจึงเกิดขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนของกนอ.ก็ด้วยเหตุนี้

เมื่อธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเดินหน้าในการขายพื้นที่ได้ประมาณ 30 % สวัสดิ์ก็คิดไกลออกไปอีก

เขาต้องการท่าเรือน้ำลึกที่อยู่ห่างจากนิคมออกไป 30 กิโลเมตร "ที่แหลมฉบังก็มีท่าเรือแต่มันเป็นมันเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์" ชำนิ จันทร์ฉาย สตาฟ์ระดับกรรมการบริหารมือด้านการเงินของสวัสดิ์พูดถึงท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบังของการท่าเรือที่อยู่ห่างจากนิคมเหมราช 35 กิโลเมตร

ท่าเรือที่สวัสดิ์ต้องการเป็นท่าเรือสินค้าทั่วไป สามารถรองรับเรือขนาด 40,000 ตัน ได้ 2 ลำ และ 10,000 ตัน ได้ 1 ลำ จุดหมายก็เพื่อใชเป็นท่าเรือขนถ่ายเศษเหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศปีละ 70,000-100,000 ตัน ป้อนเข้าโรงเหล็กเตาหลอมของเขาที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกกรมเหมราช "มันจะอยู่ใกล้กว่าท่าเรือแหลมฉบัง 5 กิโลเมตรจากนิคมเหมราช" เขาพูดถึงตำแหน่งที่ตั้งท่าเรือของเขาที่อยู่ในพื้นที่อำเภอศรีราชา ตรงบริเวณริมฝั่งอ่าวไทยด้านตะวันออก

ท่าเรือจะใช้ชื่อเหมือนบริษัทคือ ศรีราชาฮาเบอร์ "เราเพิ่งได้ใบอณุญาตให้ก่อสร้างท่าเรือได้จากกระทรวงเมื่อมิถุนายนนี้เอง หลังจากนั่งลุ้นมานานตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว" สวัสดิ์พูดให้ฟังอย่างตื่นเต้น

สวัสดิ์ซื้อที่ดินบริเวณที่ตั้งท่าเรือนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ใกล้ ๆ ออกไปจากที่ดินของเขาเป็นฝั่งท่าเรือของมาบุญครองที่เปิดดำเนินการรับขนถ่ายสินค้ามันสำปะหลังและข้าวโพดลงเรือขนาด 700 ตันต่อชั่วโมงมาหลายปีแล้ว

พื้นที่ดินบนฝั่งท่าเรือของสวัสดิ์มีขนาดประมาณ 70 ไร่ มีคอริดอร์ยื่นออกสู่ทะเลจากฝั่งยาวประมาณ 3 กิโลเมตร กว้าง 10 เมตร ท่าเทียบเรือนอกฝั่งยาว 450 เมตร กว้าง 40 เมตรมีร่องน้ำลึก 13 เมตรใช้เงินลงทุนสร้างท่าเรือตกประมาณ 1,200 ล้านบาท

สวัสดิ์ต้องการมีท่าเรือของตัวเองไปทำไม ทั่งที่ห่างจากนิคมของเขามากออกไปก็มีท่าเอฟ ถ้าเขาเปลี่ยนจุดท่าเรือส่งของจากกรุงเทพมาที่ศรีราชาฮาเบอร์ของเขาจะช่วยประหยัดค่าขนส่งลงได้ตันละ 15 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือปีละ 10-15 ล้านเหรียญ เมื่อคิดคำนวณจากปริมาณการนำเข้า

พูดอีกแบบหนึ่ง สวัสดิ์ลงทุนท่าเรือไปก็เพื่อสร้างซินเนอร์ยี่ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจหลักอุตสาหกรรมผลิตเหล็กเส้นของเขานั่นเอง "เราวางแผนใช้ท่าเรือเพื่อขนถ่ายเศษเหล็กของเราประมาณ 55% อีก 45 % จะเปิดเพื่อบริการขนถ่ายให้กับสินค้าอื่น ๆ ชำนิ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงเหตุผลการลงทุนสร้างท่าเรือของสวัสดิ์

45 % ที่พูดถึงเป็นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีโรงงานอยู่ในนิคมเหมราช" เราคิดราคาค่าบริการขนถ่ายแบบ COST PLUS ไม่เกิน 30% ซึ่งเชื่อว่าราคาค่าบริการรวมจะถูกกว่าที่แหลมฉบังแน่นอน" ชำนิพูดถึงจุดความได้เปรียบ

แหลมฉบังเปิดบริการ 4 ท่า 2 ท่าการท่าเรือเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนที่เหลืออีก 2 ท่าบริษัทกลุ่มไทยเครนอินเตอร์เนชั่นแนลและโหงวฮกได้ดำเนินการกันคนละท่า

ว่าไปแล้วทั้งไทยเครน และโหงวฮกคือคู่แข่งตัวจริงของสวัสดิ์ แม้นว่าทั้งสองจะเน้นสินค้าคอนเทนเนอร์ที่มีปริมาณการขนถ่ายสูงมากก็ตาม แต่ด้วยเหตุผลการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ก็เป็นไปได้สูงที่จะมีการเปิดบริการขนถ่ายสินค้าทั่วไปด้วย

แต่ตรงนี้สวัสดิ์ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตอะไร เพราะเป้าหมายการทำท่าเรือของเขาอยู่ที่การช่วยเสริมให้ธุรกิจโรงเหล็กเตาหลอมเป็นหลัก"คุณคิดดูเราประหยัดปีละประมาณ 15 ล้านเหรียญหรือ 375 ล้านบาทขณะที่โรงเหล็กเตาหลอมเราเจอ COST OVERRUN เกือบ 1,000 ล้าน ดังนั้น ถ้าเราประหยัดค่าขนส่งปีละ 375 ล้านเพียง 3 ปีเราก็สามารถชดเชยต้นทุนส่วนที่เพิ่มนี้ได้ทั้งหมด" ชำนิยกตัวอย่างผลการมีท่าเรือของตัวเอง

ต้นทุนการสร้างโรงเหล็กเตาหลอมเกิดจากการลงทุนเพิ่มส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคเช่น บ่อน้ำดิบ ไฟฟ้า บ้านพักคนงานซึ่งเกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของสวัสดิ์เพราะเขาคิดว่าการลงทุน สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นรัฐไม่ใช่เอกชน แต่ด้วยเหตุที่รัฐล่าช้าเกินไปเขาจึงต้องทำเอง

"เราไม่ซีเรียสส่วนนี้เท่าไร แม้ตอนแรกมันจะทำให้การคืนทุนของดรงเหล็กเตาหลอมล่าช้าออกไปจาก 6 ปี เป็น 7 ปี แต่พอมีท่าเรือของเราเองจะช่วยให้การคุ้มทุนของโรงเหล็กเตาหลอมของเราคืนทุนเร็วขึ้นจาก 7 ปีเหลือลงมา 6 ปีพอดี" สวัสดิ์พูดถึงซินเนอร์ยี่การมีท่าเรือที่โยงเข้ากับธุรกิจโรงเหล็ก

เวลานี้แผนการก่อสร้างท่าเรือได้เริ่มขึ้นแล้ว บริษัทคินสันจะเป็นผู้ก่อสร้างของคอริดอร์ที่ยื่นออกไปทะเล ขณะที่บริษัทเคียร์และบีเซอร์จะร่วมกันสร้างคอริดอร์และท่าเทียบเรือในวงเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด 760 ล้านบาท

"เราได้กำจร ประสิทธิ์กุศลมาเป็นผู้จัดการโครงการ" สวัสดิ์พูดถึงคีย์แมนอีกคนหนึ่งของเขา

กำจรเคยทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศซาอุดิอารเบียมาก่อน เขามีพื้นฐานเป็นวิศวกรโยธาและผ่านคอร์สเอ็มบีเอที่นิด้ามาแล้ว

โครงการสร้างท่าเรือจะสำเร็จลงในกลางปีหน้า พร้อมกับความคาดหวังของสวัสดิ์ว่ามันจะช่วยให้โรงเหล็กเตาหลอมของเขาคืนทุนเร็วขึ้น ขณะเดียวกันตัวท่าเรือเองก็สามารถสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มนครไทยของเขาอีกปีละกว่า 100 ล้านขึ้นไปในอีกสามปีข้างหน้า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.