David Bain กับคดีฆาตกรรมที่ไม่มีคำตอบ

โดย ชาคริต เทียบเธียรรัตน์
นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เวลาที่พูดถึงยอดนักสืบในดวงใจ ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงตอบได้ทันที ถ้าผู้ตอบเป็นรุ่นใหญ่คงชื่นชอบโฮล์มและวัตสัน ของอาเธอร์ ดอยช์ หรือไม่ก็ปัวโรต์ของอกาธา คริสตี้ ถ้าท่านชื่นชอบนักสืบตำรวจมาดผู้ดี ก็ต้องอัลเลนของไนโอ มาร์ช นักเขียนชาวกีวี หรือแดลกลิชของพีดี เจมส์ ส่วนถ้าชอบนักสืบยุคใหม่สรุปคดีรวดเร็วทันใจใน 24 ชั่วโมง ต้องยกให้แลงดอนของแดน บราวน์ ถ้าเป็นรุ่นคุณหนูที่ชอบการ์ตูนก็คงต้องนักสืบจิ๋วโคนันของอาโอยาม่า โกโช แต่ถ้าเวลามีคนถามถึงทนายในดวงใจ น่ากลัวว่าคงหาคนตอบคำถามนี้ได้ยาก เพราะว่าแม้แต่ จอห์น กริสแฮม ยอดนักเขียนนิยายทนายของโลกที่มีผลงานดังคับฟ้าอย่าง Runaway Jury, Pelican Brief, The Firm, The Rain-maker ยังไม่กล้าใช้พระเอกคนเดียวกันเลย

ในความเป็นจริงแล้วคดีต่างๆ ที่เกิด ขึ้นในเมืองฝรั่งที่ใช้ระบบ Common Law นั้น นักสืบไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างรวดเร็ว และผู้ร้ายก็มักจะไม่สารภาพแบบในนิยาย แต่ผู้ที่หาความจริงของคดีกลับเป็นทนาย ความ เพราะในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอย่าง อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะใช้การศาลที่เรียกว่า Adversarial System ซึ่งในระบบนี้ผู้พิพากษาหรืออัยการจะไม่ไปสืบให้มากความนัก แต่จะนำเอารูปคดีของโจทก์มาพิจารณา ถ้าพบว่าผิดก็จะสั่งฟ้องเลย แต่การดำเนินคดีนั้นจะค่อนข้างยาวนานเพราะต้องไปสืบพยานกันในชั้นศาลแทบทุกปาก จุดเด่นของระบบคือการเชิญประชาชนเดินดินอย่างเราๆ ท่านๆ มาเป็นลูกขุนเพื่อร่วมฟังและตัดสินคดี ดังนั้นทนายจะต้องเป็นนักว่าความชั้นยอดและนักสืบชั้นเยี่ยมไปในตัว และถ้าทนายของฝ่ายใดหาหลักฐานและ พูดโน้มน้าวลูกขุนเก่งก็จะมีโอกาสดีกว่าฝ่ายตรงข้าม อย่างที่เราเห็นกันตามภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง

ปัจจุบันในประเทศนิวซีแลนด์มีคดีฆาตกรรมซึ่งมีหลักฐานเป็นสองทางและยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ชื่อว่าคดีเดวิด เบน โดยฝ่ายนักสืบและตำรวจยืนยันว่าเบนเป็นฆาตกร ส่วนทนายความชี้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีนี้ได้สู้กันถึงขั้นฎีกาซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในเมืองกีวี ประชาชนเองก็มีความ เห็นแตกเป็นสองกลุ่มทั้งเชียร์ตำรวจ หรือไม่ ก็สนับสนุนเดวิด โดยส่วนตัวผมเชื่อแต่ว่าถ้าเอาคดีนี้ไปแต่งเป็นนิยายทนายผสมกับสืบสวนสอบสวน คงจะเป็นหนังสือขายดีเล่มหนึ่งได้ไม่ยาก

คดีนี้เริ่มตอนเวลา 7.09 น. ของเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 1994 ตำรวจได้รับแจ้งเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่บ้านเลขที่ 65 ถนน เอเวอรี่ เขตแอนเดอสันเบย์ ซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรมทางตะวันออกเฉียงใต้ของนครดันเนดิน นักสืบเวียร์และผู้ช่วยแอนเดอสันจากกรมตำรวจ ได้รีบรุดไปที่เกิดเหตุทันทีพบนายเดวิด เบน นักศึกษาคณะดุริยางค์ ศิลป์ของมหาวิทยาลัยโอทาโก้วัย 22 ปี ซึ่งเป็นผู้แจ้งความตกอยู่ในสภาพเสียขวัญ ในบ้านหลังดังกล่าวมีผู้ตายอยู่ 5 ศพ คือศพในห้องโถงหน้าแท่นบูชาพร้อมปืนยาวหนึ่งกระบอกคือ นายโรบิน เบน วัย 58 ปี หมอสอนศาสนาและครูใหญ่ของโรงเรียนย่านนั้น ในห้องนอนอีกสี่ห้องทุกๆ ห้องจะพบผู้เสียชีวิตคือ นางมากาเร็ต ภรรยา วัย 50 ปี ลูกสาวสองคนคือ อราวา วัย 19 ปี ลาเนียต วัย 18 ปี และลูกชายคนเล็ก สตีเฟ่น วัย 14 ปี ส่วนสลักที่ปลดล็อกปืนยาว และกระสุนปืนตกอยู่บนพื้นห้องนอนที่ 5 ซึ่งเป็นห้องของเดวิด กุญแจเปิดตู้เก็บปืนสองดอกนั้น ดอกแรกไปอยู่ในเสื้อกันฝนของโรบินที่แขวนอยู่ในรถคาราวานที่จอดอยู่นอกบ้านและดอกสำรองอยู่ในโถบนโต๊ะของเดวิด คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานเปิดอยู่และบนหน้าจอมีข้อความว่า "เธอเท่านั้นที่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป"

เวียร์ได้ลงมือสอบสวนที่เกิดเหตุทันทีและพบเลนส์แว่นตาด้านซ้ายตกอยู่ที่ห้องของสตีเฟ่น ซึ่งวัดจากความสั้นของสายตาแล้วเท่ากับของเดวิดพอดี ขณะที่เสื้อผ้าของเดวิดมีรอยเปื้อนแต่อยู่ในเครื่องซักผ้า แล้ว แต่บนพื้นทางเดินจากห้องของนางมากาเร็ตถึงห้องของลาเนียต มีรอยเท้าที่มาจากเลือดขนาดที่วัดได้คือ 280 มิลลิเมตร ลายนิ้วมือบนกุญแจดอกสำรองสำหรับเปิดตู้เก็บปืนเป็นของเดวิดอย่างไม่ต้องสงสัย แอนเดอสันเชิญผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย โอทาโก้ มาตรวจระยะเวลาที่คอมพิวเตอร์ถูกเปิดเครื่องและเวลาที่มีการบันทึกข้อความ โดยอาศัยเวลาบนนาฬิกาของแอนเดอสันเอง ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเวลาที่เครื่องถูกเปิดคือ 6.44 น. จากคำให้การของนายเดวิดเองเขาคาดว่าตนเองกลับมาถึงบ้านในเวลา 6.40 น. หลังจากออกไปส่งหนังสือพิมพ์ตามปกติของทุกเช้า

นอกจากนี้บนปืนยาวที่ตกอยู่ข้างตัวของโรบินมีรอยนิ้วมือของทั้งโรบินและเดวิดอยู่รวมทั้งรอยเลือดที่ติดอยู่ที่ด้ามและพานท้ายของปืน นอกจากนี้เวียร์ยังพบว่าเดวิดนั้นเคยมีความเครียดสูงจนต้องหยุดพักการเรียนที่โอทาโก้ นอกจากนี้เดวิดยังมีงานอดิเรกคือการยิงนกเป็ดน้ำและกระต่ายป่า และในคืนที่เกิดเหตุโรบินได้ไปนอนที่รถคาราวานนอกบ้านก่อนที่จะกลับเข้ามาในบ้านเพื่อสวดมนต์ตอนเวลา 7 โมงเช้าที่แท่นบูชาในห้องโถง

สี่วันหลังจากรวบรวมหลักฐานครบถ้วน เวียร์และแอนเดอสันก็ชี้มายังเดวิดว่าเป็นฆาตกร จากข้อสรุปดังกล่าวเพียงช่วงข้ามคืนคดีฆาตกรรมบนเอเวอรี่สตรีทก็กลาย เป็นหัวข้อข่าวระดับชาติ เพราะเป็นการฆ่าล้างครอบครัวตนเองอย่างเลือดเย็นที่สุด โดย สองนักสืบสรุปเหตุการณ์ใหม่ว่า เดวิดตื่นเช้า เวลาตี 5 ใช้กุญแจเปิดตู้เก็บปืน เดวิดได้บรรจุกระสุนและปลดล็อกไรเฟิลในความมืด ทำให้มีกระสุนและสลักของปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นฆาตกรได้เดินเข้าไปยังห้องของนางมากาเร็ตและฆ่านางเสีย แต่เผลอเหยียบเอาเลือดบนพื้นเข้าก่อนที่จะเดินไปห้องของลาเนียตและอราวาทำให้เกิดรอยเลือดบนทางเดิน เสียงปืนทำให้สตีเฟ่นตกใจ ตื่น และเมื่อเดวิดไปถึงห้องสุดท้ายได้ต่อสู้กับน้องชายจนเลนส์ของแว่นด้านซ้ายหลุดจึงฆ่าได้สำเร็จ จากนั้นเดวิดได้เอาเสื้อผ้าไป ใส่ไว้ในเครื่องซักผ้าและออกไปส่งหนังสือ พิมพ์ตามปกติ เวลา 6.40 น. เดวิดกลับมาที่บ้านและเอาเสื้อผ้าที่สวมอยู่เข้าเครื่องซักผ้า และลงมือซักผ้าทั้งหมด จากนั้นขึ้นไปเปิดคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความดังกล่าวเวลา 6.44 น. ก่อนลงไปซุ่มที่ห้องโถง ไม่กี่นาที ต่อมาโรบินได้ออกจากห้องนอนในรถคาราวาน และมานั่งสวดมนต์ที่แท่นบูชาตาม ปกติ เดวิดได้สังหารโรบินเวลา 7 นาฬิกา และจัดฉากเสียใหม่และไปอาบน้ำให้หมดคราบเลือดและเขม่าปืนก่อนที่จะโทรแจ้งตำรวจ มูลเหตุของการฆาตกรรมมาจากความเครียดของเดวิดเองรวมทั้งนิสัยที่รุนแรง โดยสังเกตได้จากการชอบยิงสัตว์ ประกอบกับชีวิตในวัยเด็กซึ่งเติบโตที่ประเทศปาปัวนิวกินี ที่โรบินไปสอนศาสนาตามถิ่นทุรกันดาร ซึ่งหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญบางแห่งยังคงวัฒนธรรมการกินมนุษย์อยู่ในเวลานั้น

จากหลักฐานดังกล่าวตำรวจได้ส่งฟ้องศาลอาญาที่นครดันเนดินใน 5 กระทงด้วยกัน การต่อสู้ในศาลเกือบหนึ่งปีนั้น นาย ไมเคิล รีด ทนายความชื่อดังได้หาหลักฐานแย้ง โดยเริ่มจากพยานซึ่งยืนยันว่าเขาขับรถออกจากบ้านเวลา 6.45 น.และเห็นเดวิดแบกถือถุงพลาสติกสีเหลืองที่ใส่หนังสือพิมพ์ เพื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้าน จากหลักฐานแรกจะเห็นว่าเวลาที่คอมพิวเตอร์คือ 6.44 น. นั้นเกิดขึ้นก่อนเดวิดเข้าบ้านไป 1 นาที จาก นั้นทนายชื่อดังได้ยื่นหลักฐานที่น่าตกใจคือการที่น้องสาวคนเล็กลาเนียตได้ประกอบอาชีพพิเศษเป็นโสเภณี ซึ่งหลักฐานดังกล่าวยังไม่ร้ายเท่ากับหลักฐานว่าโรบินนั้นก็เป็นนักเที่ยวเช่นกัน

ที่ร้ายกว่านั้นคือเคยทำการ Incest กับลูกสาวตนเอง ทนายรีดได้นำพยานคือเพื่อนสนิทของลาเนียตมาเปิดเผยว่าผู้ตายได้เล่าว่าโรบินนั้นกระทำการ Incest อย่างสม่ำเสมอและได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้กับมารดาของตนเอง พี่สาว และน้องชายฟังในวันเสาร์ที่ 18 หรือก่อนเสียชีวิตเพียง 2 วัน ซึ่งเป็นผลให้โรบินโดนอัปเปหิไปนอนในรถคาราวาน และทนายรีดได้ตบท้ายว่าเลนส์แว่นตาด้านซ้ายที่พบนั้นฝุ่นจับเกรอะกรังและอยู่ใต้กองเสื้อผ้าและหนังสือจึงไม่น่าจะเกิดจากการต่อสู้ นอกจากนี้เดวิดและแม่ของเขามีความสั้นทางสายตาที่ใกล้เคียงกันมาก อย่างไรก็ตาม นักสืบและทนายของรัฐได้เรียกเดวิดซึ่งขวัญเสียมาสืบสวน ซึ่งเดวิดให้การวกไปวนมาจนไม่มีความน่าเชื่อถือ ในที่สุดคณะลูกขุนตัดสินว่า เดวิดผิดจริงและมีโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา ในวันที่ 29 พฤษภาคม 1995

ปัญหาคือทนายรีดไม่ยอมหยุดเท่านี้ นอกจากนี้ในบรรดาคนที่เชื่อว่าเดวิดไม่ผิดได้รวมทุนกันสู้คดีโดยมีอดีตนักรักบี้ทีมชาติ ชื่อ โจ คารัม เป็นหัวเรือใหญ่ รีดได้ทำการหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสู้ไปยังศาลอุทธรณ์ซึ่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวและยืนคำตัดสินของศาลอาญาโดยดูจากรูปคดีของนักสืบเวียร์ที่ว่าด้วยลายนิ้วมือบนกุญแจสำรองที่เปิดตู้เก็บปืนเป็นของเดวิด ประกอบกับรอยเลือดบนปืนซึ่งมีรอยนิ้วมือของเดวิดประทับอยู่ และรอยเลือดบนกางเกงและถุงมือที่ซักอยู่ของเดวิด อย่างไรก็ตาม รีดไม่ยอมหยุดคดีนี้ที่อุทธรณ์แต่ยื่นไปยังองคมนตรีเพื่อเปิดศาลฎีกาให้ได้

คราวนี้รีดได้หาหลักฐานมาเพิ่มเติมคือ ข้อมูลจากจิตแพทย์ตั้งแต่ที่ปาปัวนิวกินีว่าโรบินมีพฤติกรรมที่รุนแรง นอกจากนี้เขายังชอบตบนักเรียนในโรงเรียน และยังเคยแต่งนิยายฆาตกรรมยกครอบครัวเข้าไปในหนังสือเวียนของทางโรงเรียน จากนั้นรีดได้ย้ำอีกครั้งว่ามูลเหตุของการฆาตกรรมจากนายโรบิน น่าจะมาจากการที่ลาเนียตนำเรื่อง incest ไปเปิดเผยและความกลัวที่จะถูกดำเนินคดี หรือโดนสังคมประจานจึงทำให้โรบินทำการฆ่าปิดปากคนในครอบครัวเสีย หลักฐานต่อมาคือ รอยเลือดบนพื้นนั้นวัดได้ 280 มม. ขณะที่เท้าของเดวิดมีขนาด 300 มม. ขณะที่โรบินเองมีเท้าขนาด 270 กว่าๆ ต่อมาคือเลือดที่มีรอยนิ้วของเดวิดปรากฏอยู่นั้น ถูกเทสต์ว่าไม่ใช่ดีเอ็นเอของมนุษย์ แต่น่าจะมาจากสัตว์ประเภทกระรอกป่าหรือ กระต่ายป่ามากกว่า แต่หลักฐานพิฆาตนักสืบจริงๆ คือ นาฬิกาของแอนเดอสันเอง ผู้อ่านหลายท่านคงจะชินกับภาพของเชอร์ล็อก โฮล์ม คว้านาฬิกามาบอกเวลาในหนังสือแต่หลายคนคงลืมนึกไปว่านาฬิกานั้นมีหลาย แบบ ผลปรากฏว่าแอนเดอสันสวมนาฬิกา แบบโบราณซึ่งไม่มีเข็มวินาที ตัวเลขบนนาฬิกาจะมีทุกๆ 5 นาที คือ 1 ถึง 12 แต่ไม่มีเส้นแบ่งจำนวนนาที ดังนั้น เวลาที่แจ้งจึงไม่สามารถเรียกได้ว่าถูกต้องทุกประการ

นอกจากนี้นาฬิกาแบบเก่านั้นไม่ใช่ควอช จึงสามารถเดินผิดพลาดได้ และเมื่อนำมาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นไปตามที่รีดสันนิษฐานคือเดินเร็วไป 2 นาที รีดได้เอาสองนาทีที่ผิดพลาดขึ้นตั้ง ประกอบกับการที่นาฬิกาไม่สามารถบ่งบอกนาทีและวินาทีที่ถูกต้องมาประเมินใหม่จึงพบว่าเวลาที่คอมพิวเตอร์ถูกเปิดต้องลบ 5 นาที กล่าวคือ ข้อความจะต้องถูกพิมพ์เวลา 6.39 แทน 6.44 ซึ่งไม่ว่าเดวิดจะกลับมา 6.40 น. ตามเวลาตำรวจหรือ 6.45 น. ตามเวลาพยาน เดวิดย่อมไม่มีวันไปทำการฆาตกรรมหรือพิมพ์ข้อความมรณะได้ จากหลักฐานใหม่ชนิดตอกโฮล์มหน้าหงายนี้ประกอบกับการที่เดวิดประกาศว่าตนเองบริสุทธิ์มาตลอด ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2007 องคมนตรีได้อนุมัติให้เปิดศาลฎีกาและ อนุญาตให้เดวิดประกันตัวได้ โดยศาลอาญา นครไครส์เชิร์ชเป็นผู้อนุมัติ หลังจากติดคุกมาราวๆ 13 ปี ซึ่งมีประชาชนกว่า 100 คน เดินทางมาแสดงความยินดี

ปัญหาต่อจากนี้คือเมื่อเปิดศาลแล้วอัยการและนักสืบจะกล้าฟ้องหรือไม่ ถ้าไม่ คดีนี้จะหมดอายุความในอีก 16 ปีข้างหน้า ถ้ากล้าฟ้องคดีจะจบอย่างไร ถ้าเบนแพ้ก็คงต้องกลับไปนอนในมุ้งสายบัวอีกรอบ แต่ถ้าเกิดชนะขึ้นมาบรรดานักสืบชื่อดังอาจจะต้อง ไปเป็นจำเลยแทนก็เป็นได้ คดีฆาตกรรมบน เอเวอรี่สตรีทนั้นแท้จริงแล้วใครเป็นฆาตกรนั้นยังไม่สามารถมีคนตอบได้ ส่วนผู้อ่านจะเชื่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่วิจารณญาณของท่าน แต่ที่แน่นอนคือชัยชนะของทนายความไมเคิล รีด ซึ่งสยบนักสืบและตำรวจได้สำเร็จในระบบการศาลแบบ Adversarial System


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.