ผู้หญิงกับน้ำหอม 3 ขวด


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าหากต้องการทานอาหารอร่อย ก็ต้องไปที่อิตาลี แต่ถ้าหากต้องการน้ำหอมดีๆ ก็ต้องไปที่ฝรั่งเศส เพราะประเทศนี้ถูกขนานนามให้เป็นเมืองแห่งน้ำหอม จนมีเรื่องเล่ากันว่า "สาวฝรั่งเศสสวมชุดอะไรนอน" คำตอบก็คือน้ำหอมแล้วก็นอน

เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน เป็นเพียงเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมา และไม่หวงห้ามสำหรับสาวประเทศอื่นที่ต้องการหยิบยืมไปใช้

เมื่อประเทศต้นแบบน้ำหอมต้องการเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเรา การเข้ามาแบบเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ดูเหมือน ไม่น่าสนใจ เพราะคนอื่นก็ทำกันมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ

การมาทีหลังก็อาจจะเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ เหมือนกับเฟรดเดอริค เบส์ซอง (Frederick Besson) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบล เพอร์ฟูม ที่คิดว่า การซื้อน้ำหอมของคนไทยยังมีข้อจำกัด เพราะมีแบรนด์ไม่มาก และส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ดังๆ หรือติดปาก ติดหูคนไทย ทั้งๆ ที่น้ำหอมในต่างประเทศยังมีอีกหลากหลายและน่าสนใจ

เมื่อลองนับดูว่าแบรนด์น้ำหอมที่รู้จักและขายในบ้านเราก็พบว่า มีไม่เกิน 20 แบรนด์ ซึ่งเป็นที่เชื่อถือและยอมรับได้

วิธีคิดของเฟรดเดอริค ก็คือ ต้องมีร้านน้ำหอมโดยเฉพาะขึ้นมา และต้องมีให้เลือกมากพอจากผู้ผลิตทั่วโลก ไม่จำกัดอยู่ในวงน้ำหอม ชื่อดัง หรือชื่อปากเท่านั้น พร้อมกับต้องให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำหอมให้ผู้ซื้อได้รับรู้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ แต่ที่สำคัญคือ ราคาต้อง ไม่สูงเกินไป สมเหตุสมผลที่ลูกค้าจะจ่ายเงิน

ร้านน้ำหอมต้นแบบจึงเกิดขึ้นในชื่อ Mist 1000 Perfums ที่ เมเจอร์ เอสพลานาดเป็นแห่งแรก

"ร้านนี้ ลูกค้าที่มาเลือกซื้อน้ำหอมจะสามารถผ่อนคลายเดินชมได้ตามใจชอบ จะทดลองกลิ่นกี่รอบ กี่ขวด สามารถทำได้ ใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ พนักงานของเราจะเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก และให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหอมเพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น และลูกค้าจะเป็นคนเลือกน้ำหอมที่ตัวเองชอบที่สุด"

น้ำหอมในร้านนี้ ส่วนหนึ่งก็คือน้ำหอมที่คุ้นหูลูกค้าที่มีจำหน่าย ในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 50% ส่วนที่เหลือจะเป็น น้ำหอมที่บริษัทนำเข้ามาเป็นครั้งแรก

แน่นอนว่าน้ำหอมแบรนด์ใหม่ๆ นำเข้ามาจะชื่อไม่คุ้นหู ยกเว้นลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ก็อาจจะได้เห็นหรือได้ยิน ชื่อมาบ้าง

การเลือกที่จะนำน้ำหอมตัวไหนเข้ามา เฟรดเดอริคบอกว่า ต้อง มีการทำวิจัยกลุ่มลูกค้าก่อน โดยจะทำการทดสอบกลิ่น รูปทรงภาชนะ ที่บรรจุและที่สำคัญราคา ซึ่งน้ำหอมที่จะเข้ามาได้ต้องผ่านทั้ง 3 ข้อนี้ก่อน หากตกข้อใดข้อหนึ่งก็เป็นอันว่ายกเลิกไป

ดังนั้น การเดินเลือกซื้อน้ำหอมในร้านนี้ จะเห็นยี่ห้อแปลกๆ ชื่ออ่านยาก ก็ให้รู้เลยว่า น้ำหอมในโลกนี้มีมากมายดั่งเม็ดทราย

เมื่อเปิดร้านน้ำหอมขนาดนี้และเตรียมขยายสาขาเพิ่มทุกเดือน แบบนี้ จะให้ขายน้ำหอมผู้หญิง ผู้ชาย ก็คงไม่แตกต่างกับร้านอื่นๆ เฟรดเดอริค กำลังเตรียมนำเข้าน้ำหอมสำหรับเด็ก

เด็กในความหมายของเขาก็คือ ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป

น้ำหอมสำหรับเด็กแบบนี้ ในต่างประเทศออกมานานแล้ว แต่ บ้านเราไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไร น้ำหอมสำหรับเด็กจะพิเศษที่ไม่มี ส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารระคายเคืองต่อเด็ก แม้แต่กลุ่มดิสนีย์เองก็ยังทำน้ำหอมสำหรับเด็กออกมาจำหน่าย

น้ำหอมสำหรับเด็กของที่นี่ จะนำร่องด้วยแบรนด์ Kaloo

นอกจากความน่าสนใจของร้าน และตัวน้ำหอมแล้ว กลุ่มนี้ยังมองการขยายตลาดน้ำหอมให้ลงสู่ตลาดระดับกลางมากขึ้นด้วยการเปิดตลาดน้ำหอมราคาไม่สูงนักเพื่อขายในดิสเคาท์สโตร์ อย่างคาร์ฟูร์, บู๊ทส์, วัตสัน ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ

น้ำหอมจึงไม่ใช่เรื่องเกินความจำเป็นสำหรับคนทำงานอีกต่อไป

เมื่อสามารถเปิดตลาดในร้านค้า ดิสเคาท์สโตร์ได้แล้ว เฟรดเดอริคยังคิดไกลไปถึงการขายน้ำหอมฝรั่งเศสในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ถ้าบอกว่าคิดก็คงน้อยไป เพราะเขาลงมือศึกษาไปพอสมควรแล้ว แต่ที่ยังเป็นปัญหาก็คือ

การซื้อน้ำหอมต้องมีการทดลองกลิ่นก่อนตัดสินใจ ขนาดที่บรรจุต้องเหมาะสมกับร้านสะดวกซื้อ เพราะค่าเฉลี่ยในการซื้อสินค้า ของ 7-11 อยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท จึงต้องกลับมาคิดว่าจะตอบโจทย์นี้อย่างไร

ช่องทางการขยายลูกค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ อาจไม่ลงตัวในช่วงนี้ แต่ในอนาคตเมื่อแก้ปัญหาได้ เขาก็พร้อมที่จะลงมือทำทันที

ที่ต้องขยายฐานลูกค้ามากมายขนาดนี้เขาให้เหตุผลว่า การใช้น้ำหอมในต่างประเทศ หญิงสาวจะมีน้ำหอม 3 ขวด ที่มีกลิ่นและ วัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันไป

ขวดแรกคือใช้ทั่วไปชีวิตประจำวัน

ขวดที่สองสำหรับใช้ออกงานกลางคืน

ขวดที่สามสำหรับคืนพิเศษกับคนพิเศษ

เขาหวังว่าสาวๆ ในบ้านเราจะมีน้ำหอมคนละ 3 ขวดบ้าง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.